จักรมนต์ นิติพน กรรมการและผู้อำนวยการสายการลงทุน สิงห์เวนเจอร์ส เปิดเผยถึงวิชั่นของกลุ่มบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ว่า สิงห์เวนเจอร์ส คือกองทุนที่พร้อมจะขับเคลื่อนการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ด้วยปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัล สิงห์เวนเจอร์ส มองว่าการลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ และสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจในเครือให้มีความยั่งยืนและแข็งแกร่งพร้อมกับผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตในระดับโลกไปพร้อมกัน
ในส่วนของแผนการลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ บริษัทจะมุ่งโฟกัสการลงทุนในตลาดเซาท์อีสเอเชีย จากนั้นจะขยายการลงทุนไปสู่ประเทศอื่นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งรวมสตาร์ทอัพดังๆ ระดับโลก สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่สิงห์เวนเจอร์สจะเข้าไปลงทุน ต้องมีโมเดลบิสซิเนสที่มีความชัดเจน มีแพลตฟอร์ม ทีมงานที่ดี สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เพื่อก้าวสู่การสร้างอีโคซิสเต็มหรือระบบนิเวศให้กับธุรกิจ และต้องเป็นสตาร์ทอัพที่มีตลาดและฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ในระยะยาวด้วย
ขณะที่การลงทุนของบริษัทนั้นเริ่มตั้งแต่ระดับ Series A และได้เริ่มมองโอกาสการลงทุนในSeries B และ Series C ด้วย ทั้งนี้ มุ่งเน้นในธุรกิจที่สามารถต่อยอดหรือซินเนอร์จี้รวมกับธุรกิจในเครือได้ โดยความสนใจของสิงห์เวนเจอร์ส ที่จะเข้าลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพมีด้วยกัน 3 อุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย 1.สินค้าอุปโภคบริโภค เพราะเป็นเสาหลักของธุรกิจในเครือ เน้นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพราะเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์
2.เทคโนโลยีซัพพลายเชน ดิสทริบิวชั่น และ ช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ระบบโลจิสติกส์สำหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ถึงลูกค้าปลายทางโดยตรง ระบบการขนส่งระหว่างภาคธุรกิจ และการส่งสินค้าและบริการอี-คอมเมิร์ซ ที่เป็นช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และ 3.การลงทุนในระบบหรือโปรแกรมต่างๆ ช่วยในการทำงานขององค์กร เพื่อทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ยุค 4.0 โดยจะขับเคลื่อนการลงทุนในเรื่องของบิ๊กดาตา อนาไลติกส์ หรือการจัดเก็บข้อมูลและนำมาวิเคราะห์และปูทางสู่การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง การพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังวางแผนลงทุนในเรื่องของเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อก้าวไปสู่ยุคโรโบติกส์ การลงทุนระบบไอโอทีหรืออินเทอร์เน็ตออฟธิงก์ รวมถึงการพัฒนาระบบการจ่ายเงินอัตโนมัติ อีกทั้งยังสนใจธุรกิจในอนาคตอื่นๆ เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจในเครือ
สำหรับปีนี้มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนสตาร์ทอัพใหม่อย่างแน่นอน จากเมื่อปี 2560 สิงห์เวนเจอร์ ได้เริ่มต้นลงทุนแบบ Fund of Funds ก่อน หรือลงทุนใน 2 กองทุน ได้แก่ Kejora Ventures แพลตฟอร์มระบบ Technology ecosystem ที่อินโดนีเซี ย มีการลงทุนในธุรกิจแล้วกว่า 29 ธุรกิจ และ Vertex Ventures จากสิงคโปร์ มีเครือข่ายของบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ในวงการ Technology และ Venture Capital อย่างกว้างขวางทั่วโลก รวมมูลค่าการลงทุน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ
จักรมนต์ นิติพน กล่าวว่า เหตุผลของการลงทุนสตาร์ทอัพ เพื่อเรียนรู้จากสตาร์ทอัพในด้านการสร้างธุรกิจใหม่ด้วยวิธีการที่แตกต่างและได้ผลอย่างรวดเร็ว และเป็นส่วนสำคัญที่บริษัทในเครือจะสามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่มาต่อยอดทางธุรกิจหรือสร้างมูลค่าเพิ่ม จากปัจจุบันบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีทั้งธุรกิจด้วยกัน 5 เสาหลัก ประกอบด้วย 1.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสินค้ากลุ่มเบียร์ 2.เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจร้านอาหาร 3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์4.การผลิตบรรจุภัณฑ์ และ5.ธุรกิจโลจิสติกส์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา