ก่อนหน้านี้ ลุงทรัมป์ เพิ่งประกาศว่าจะเพิ่มภาษีสินค้าจีนที่นำเข้าไปในสหรัฐ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าบรรยากาศการค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งจะตึงเครียดมากขึ้น ส่วนคลื่นใต้น้ำที่กำลังมา คือสหรัฐเตรียมออกมาตรการจำกัดการลงทุนเทคโนโลยีของบริษัทจีนในสหรัฐ .. ผลกระทบจะเป็นอย่างไรบ้าง?
มาตรการล่าสุดของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ คือ จะออกกฏใหม่เพื่อจำกัดการลงทุนของบริษัทจีน ในเรื่องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สำคัญ (industrially significant technology)
สาเหตุหลักคาดว่าทางสหรัฐอเมริกากังวลเกี่ยวกับ นโยบายรุกนวัตกรรมของจีนในชื่อ “Made in China 2025″ ที่ปักกิ่งเริ่มวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ (Robotics) รถยนต์ไฟฟ้า การบินและอวกาศ
(aerospace) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำของโลกในอุตสาหกรรมนี้
และจากรายงานของ Wall Street Journal ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวว่า ทางทำเนียบขาวกำลังวางกฏเกณฑ์ให้บริษัทของจีนสามารถลงทุนในบริษัทซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ในสัดส่วนประมาณ 25% ของทั้งบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าทำให้จีนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ ได้น้อยลง
แต่เรื่องที่ทุกฝ่ายจับตามองคือ industrially significant technology ของสหรัฐจะครอบคลุมถึงอะไรบ้าง แต่ทางกระทรวงการคลังของสหรัฐ ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วนทางทำเนียบขาวมีข่าวว่าจะออกข้อสรุปกฏการลงทุนของบริษัทจีนภายในวันที่ 30 มิ.ย. นี้
ทำไมช่วงนี้ สหรัฐต้องเพิ่มมาตรการสกัดจีน?
ทางรัฐบาลสหรัฐบอกว่า เป็นการตอบโต้จีนกรณีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ซึ่งมาตรการจำกัดการลงทุนด้านเทคโนโลยีของจีนในสหรัฐ จะกดดันบริษัทสหรัฐที่มีการส่งมอบเทคโนโลยีให้จีนที่ยังทำธุรกิจในสหรัฐ ขณะเดียวกันมาตรการนี้ออกมาต่อเนื่องจาก การเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าของจีนกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
แม้ว่าทางปักกิ่งก็ออกมาตอบโต้มาตรการทางภาษีของสหรัฐ โดยจะตอบโต้ผ่านมาตรการทางภาษีซึ่งจะมีผลวันที่ 6 ก.ค.นี้ แต่ Geng Shuang โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน บอกว่าที่ผ่านมาทางรัฐบาลสนับสนุนให้บริษัทจีนทำตามกฏหมายท้องถิ่น ทำตามหลักการของตลาดอย่างมีมาตรฐานสากล ทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น การจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สร้างผลดีต่อธุรกิจในสหรัฐให้เติบโตขึ้น
“เราหวังว่าสหรัฐจะมองเห็นกิจกรรมการค้าของบริษัท และสร้างสรรค์เรื่องดีๆ ที่มีความยุติธรรม และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับบริษัทจีนที่จะเข้ามาลงทุน”
การจำกัดการลงทุนเทคโนโลยีในสหรัฐ ไม่ทำให้จีนเรียนรู้ได้น้อยลง
จากรายงานของ Wall Street Journal ระบุว่า มาตรการจำกัดการลงทุนเทคโนโลยีของจีนในสหรัฐ แม้ว่าจะทำให้สัดส่วนการเป็นเจ้าของบริษัทลดลง แต่ทางนักลงทุนจียังสามารถเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี ผ่านการมีที่นั่งในบอร์ดบริหาร ผ่านการทำข้อตกลงในใบอนุญาต และมาตรการอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐยังมีโอกาสที่จะเสนอแนะความคิดเห็น ก่อนที่มาตรการจะเริ่มใช้จริง
รายงานยังกล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมของสหรัฐมีโอกาสที่จะพิจารณาเพิ่มเติมก่อนกฏจะเริ่มมีผลกระทรวงพาณิชย์ของจีน และกระทรวงต่างประเทศ ไม่ได้ตอบสนองในทันที
ทำไม ทรัมป์ ชอบใช้กฏหมายฉุกเฉิน ?
กลายเป็นเรื่องปกติที่ ทรัมป์ จะใช้กฏหมายฉุกเฉิน หรือ เร่งด่วน เสมอๆ ซึ่งล่าสุดสามารถออกมาตรการจำกัดการลงทุนของจีนได้ ก็เพราะกฏหมายเมื่อปี 1977 International Emergency Economic Powers Act ให้อำนาจประธานาธิบดีในการออกมาตรการเพื่อใช้กับประเทศอื่นๆ และให้ถือเป็น เรื่องฉุกเฉินระดับประเทศ
Phil Levy นักวิชาการอาวุโสด้านเศรษฐกิจระดับโลก the Chicago Council on Global Affairs บอกว่า “สหรัฐได้ประโยชน์อย่างมหาศาลจากการเปิดการลงทุน”
อย่างไรก็ตามรายงานจาก Rhodium Group ซึ่งเป็ผู้วิจัยข้อมูลจากการลงทุนต่างชาติของจีน บอกว่า ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค. 2018) บริษัทจีนลงทุนเทคโนโลยีในไทยน้อยลงกว่า 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
แล้วสหรัฐจะยังจำกัดการลงทุนของจีนต่อไปไหม คงต้องติดตามสิ้นเดือนมิ.ย. นี้
สรุป
จีนเตรียมออกเกณฑ์จำกัด บริษัทจีนที่จะลงทุนด้านเทคโนโลยีในสหรัฐ ให้มีส่วนเป็นเจ้าของแค่ 25% ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจะเพิ่มความตึงเครียมด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องทรัมป์ จะขึ้นภาษีการนำเข้าสินค้าจีน ทางสหรัฐจะมีข้อสรุป 30 มิ.ย. นี้
ที่มา Moneycnn
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา