19 มิ.ย. 2561 หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดทำการโดยดัชนีหุ้นไทยอยูที่ 1,639.45 จุด ปรับตัวลดลง 40.14 จุด (2.39%) นักลงทุนบางส่วนก็มีความกังวลว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทาง “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. จึงออกมาตอบคำถามคลายข้อสงสัย
หุ้นไทยปรับลด 40 จุดภายใน 1 วัน เพราะเงินต่างชาติไหลออกจากเอเชีย
ภากร บอกว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติทยอยเทขายหุ้นในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน รวมไปถึงกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ฯลฯ สาเหตุหลักก็เพราะปัจจัยความไม่แน่นอนในต่างประเทศ ทั้งเรื่องกรณีข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและสาธารณรัฐประชาชนจีน ภาวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนไหลกลับไปยังประเทศต่างๆ โดยส่วนใหญ่เริ่มไหลกลับไปในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย และบางส่วนกลับไปถือเงินสดเพื่อเตรียมตัวกลับเข้าไปลงทุนรอบใหม่
การขายหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการปรับพอร์ทหุ้นครั้งใหญ่ของนักลงทุนต่างชาติในรอบ 2-3 ปีนี้ จากปี 2558 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิในไทยประมาณ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามมองว่าการขายหุ้นในครั้งนี้ยังไม่น่ากังวลนักเพราะปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติยังอยู่ที่ประมาณ 30-31% ใกล้เคียงกับช่วง เดือน พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา รวมถึงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาหุ้นไทยปรับสูงขึ้นมาก จึงเป็นการขายเพื่อทำกำไร
ผลกระทบเงินไหลออก มาร์เก็ตแคปไทยหดเหลือ 16.7-16.8 ล้านล้านบาท
ในส่วนของประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 16.7-16.8 ล้านล้านบาท จากเมื่อเดือนม.ค. 2561 อยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มองว่ามีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะฟื้นตัว เพราะจากสถิติที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ปี 2551ใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 10-11เดือน เหตุการณ์การเมืองที่แยกราชประสงค์ ปี 2553 ใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 3 เดือน หรือน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ใช้เวลาฟื้นตัว 6 เดือน และปี 2558 ที่เกิดการระเบิดี่แยกราชประสงค์ หุ้นไทยใช้เวลาฟื้นตัว 2 เดือน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทย ที่เติบโตแข็งแกร่ง ปี 2561 นี้คาดว่า จีดีพีจะอยู่ที่ 4.2-4.7% จากปีก่อน ขณะที่การบริโภคในไตรมาส 1/2561 เติบโต 3.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน การลงทุนเติบโต 3.4%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และการส่งออกโต 9.9%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไม่กังวลกับสถานการณ์เทขายของต่างชาติที่เกิดขึ้น
นักวิเคราะห์ชี้แนวรับสำคัญ 1,600 จุด แนะจับตาการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส บอกว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย (19 มิ.ย. 2561) หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,650 จุด ส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มส่งผลให้ทางจีนเตรียมออกมาตรการตอบโต้โดยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเพิ่ม
ขณะเดียวกันมองแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,600 จุด ซึ่งเป็นจุดที่แนะนำให้เข้าสะสมหุ้นกลุ่มที่ปลอดภัย (Defensive) ซึ่งอาศัยปัจจัยบวกในประเทศ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก CPALL กลุ่มสื่อสาร INTUCH, ADVANC และกลุ่มโรงพยาบาล BDMS , CHG
อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องติดตามประเด็น และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพราะขณะนี้ปัจจัยในประเทศยังนิ่งอยู่
สรุป
19 มิ.ย. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อย(2.39%) เป็นผลจากนักลงทุนต่างชาติเทขาย เพื่อทำกำไร ส่วนหนึ่งยังมีความกังวลวจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศ ทั้งเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ความขัดแย้งเรื่องการค้าระหว่างสหรํฐและจีน แต่ปัจจัยในประเทศยังมีพื้นฐานที่ดี ให้นักลงทุนรอสะสมหุ้นช่วงขาลง แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะความผันผวนสูง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา