SF ยุค 4.0 รื้อระบบดิจิทัล เสริมระบบ CRM เก็บดาต้าลูกค้า

นอกจากการขยายสาขาให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคแล้ว SF Cinema เร่งลงทุนด้านไอที ทุ่มงบ 100 ล้านบาท ยกเครื่องระบบทั้งหมด เพื่อปรับปรุงบริการด้านออนไลน์ มองสัดส่วนเพิ่มเป็น 30% ในปีนี้

ออนไลน์โตกระหน่ำ จนต้องรื้อระบบหลังบ้าน!

SF Cinema ผู้เล่นเบอร์สองในตลาดโรงภาพยนตร์ในไทย แม้จะไม่มีการลงทุน หรือการตลาดที่หวือหวามากเมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Major Cineplex แต่ก็มีการขยายสาขาเงียบๆ อยู่ตลอด โดยที่ทิศทางของปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ได้เน้นหนักที่ระบบไอที เพื่อเสริมช่องทางออนไลน์

ในปีที่ผ่านมาได้ลงทุน 100 ล้านบาทด้านไอที เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด เหมือนเป็นการยกเครื่องรื้อระบบไอทีทั้งหมดเพื่อรองรับบริการด้านออนไลน์แก่ลูกค้า เป็นการขยาย Bandwidth ของระบบหลังบ้าน ปรับปรุงแอพพลิเคชั่น SF Cinema และเว็บไซต์ เพื่อรับกับการจองตั๋วหนังผ่านออนไลน์ และมีการเพิ่มช่องทางการขายตั๋วหนังผ่านตู้ Kiosk

สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่า

ในปีที่ผ่านมาได้ลงทุนหนักด้านไอที เพื่อรองรับสังคมดิจิทัล พัฒนาเว็บไซต์ ระบบหลังบ้าน และตู้คีออสเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล  ก่อนหน้านี้การซื้อตั๋วมีแค่การเข้าคิวซื้อที่เคาท์เตอร์ แต่โจทย์ใหญ่ในตอนนี้คือสร้างความสะดวกสบายใช้เวลาไม่เกิน 15 วินาที จึงต้องพัฒนาช่องทางอื่นๆ เพื่อรองรับลูกค้ามากขึ้น

สุวัฒน์บอกเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการรุกหนักด้านดิจิทัลก็คือ ช่องทางออนไลน์เติบโตสูงมากจนต้องรื้อระบบหลังบ้านใหม่ให้รองรับทรานแอคชั่นในอนาคต ซึ่งมีการเติบโต 100% มาตลอด โดยที่ในปี 2559 รายได้จากช่องทางออนไลน์มีเพียง 7% แต่ในปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 15% และคาดว่าในปีนี้จะมีสัดส่วน 30% จากยอดการจำหน่ายตั๋วทั้งปีของ SF ที่ 20 ล้านใบ

ที่สำคัญคือช่องทางออนไลน์สามารถเพิ่มรายได้ จากเดิมที่จะจำหน่ายตั๋วหนังได้ต้องรอห้างเปิดเพื่อให้ลูกค้ามาซื้อที่เคาท์เตอร์ แต่ตอนนี้ลูกค้าสามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการชำระเงินทั้งบัตรเครดิต และบัตรเดบิต เพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น

ออกโปรแกรม CRM เพื่อเก็บดาต้าลูกค้า

แม้จะช้าไปบ้างสำหรับการทำโปรแกรม CRM แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย ปีนี้ SF ได้ออกโปรแกรม CRM ผ่านบัตร SF Movie Club Card เป็นบัตรเงินสดสำหรับซื้อตั๋วหนัง ป๊อปคอร์น และเครื่องดื่ม สามารถเติมเงินในนี้ได้ รองรับสังคมไร้เงินสด ได้เริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนนี้มีสมาชิก 2 แสน ตั้งเป้าในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิก 9 แสนใบ

นอกจาก SF Movie Club Card จะเป็นบัตรเงินสดแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ เป็นส่วนลดสำหรับตั๋วหนัง สำคัญคือได้เก็บดาต้าพฤติกรรมลูกค้ามาต่อยอดในการทำตลาดต่อไป ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดในยุคนี้

สิ้นปีต้องมี 5,000 ล้าน

สำหรับภาพรวมรายได้ของ SF ในปี 2560 มีรายได้รวม 4,200 ล้านบาท มีกำไร 180 ล้านบาท เติบโต 14% มีสัดส่วนรายได้จากโรงภาพยนตร์ 2,700 ล้านบาท เติบโต 3% อาหาร/เครื่องดื่ม 775 ล้านบาท เติบโต 12% โฆษณา 430 ล้านบาท เติบโต 28% และอื่นๆ 300 ล้านบาท เติบโต 4%

ในปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท กำไร 337 ล้านบาท เติบโต 20% แบ่งเป็นโรงภาพยนตร์ 3,200 ล้านบาท อาหาร/เครื่องดื่ม 900 ล้านบาท โฆษณา 520 ล้านบาท และอื่นๆ 380 ล้านบาท

ปัจจุบัน SF มีโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 57 สาขา 371 โรง รวมกว่า 81,300 ที่นั่ง แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ 20 สาขา 166 โรง และต่างจังหวัด 37 สาขา 205 โรง ในปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาอีก 6 สาขา ได้แก่ ท็อปส์ พลาซ่า พะเยา, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ชลบุรี, บิ๊กซี สระแก้ว, บิ๊กซี สมุทรสงคราม, บิ๊กซี เพชรเกษม และเทอ์มินอล 21 พัทยา

สรุป

ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของ SF Cinema เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการลงทุนหวือหวามากนัก แต่ครั้งนี้ต้องปรับตัวเพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ถ้าอยู่เฉยๆ คงไม่ดีแน่ แม้จะมาช้าไปบ้างในบางอย่าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ ยังสามารถสร้างการเติบโตได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา