ปัญหาค่าเงินเยนแข็งตัว ประกอบกับความท้าทายในตลาดประเทศพัฒนาแล้วที่มากขึ้น ทำให้โอกาสที่ยอดขายเบอร์หนึ่งผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นอย่าง Toyota จะลดลงในปีปฏิทินนี้ก็มีสูง
ความท้าทายใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
แม้ปีปฏิทิน 2560 (เริ่มเดือนเม.ย. 2560-มี.ค. 2561) ภาพรวมยอดขายรถยนต์ของ Toyota นั้นเพิ่มขึ้น 6.5% คิดเป็นมูลค่า 29.3 ล้านล้านเยน (ราว 8.5 ล้านล้านบาท) กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 36.2% คิดเป็นมูลค่า 2.49 ล้านล้านเยน (ราว 7.2 แสนล้านบาท)
แต่ด้วยอนาคตของตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศพัฒนาที่เริ่มอิ่มตัว, การเคร่งครัดในเรื่องสิ่งแวดล้อมของหลายประเทศ และหลายเทคโนโลยีที่เข้ามายกระดับอุตสาหกรรมนี้ เช่นรถยนต์ไร้คนขับ ก็ทำให้ในปีปฏิทินปัจจุบัน (เริ่มเดือนเม.ย. 2561-มี.ค. 2562) นั้นท้าทายเป็นอย่างมาก
โดยทาง Toyota คาดว่ายอดขายในปีปฏิทินปัจจุบันนั้นมีโอกาสลดลง 1.3% คิดเป็นมูลค่า 29 ล้านล้านเยน (ราว 8.4 ล้านล้านบาท) ส่วนตัวเลขกำไรสุทธิจะลดลงมา 15% เหลือ 2.12 ล้านล้านเยน (ราว 6.1 แสนล้านบาท) เพราะนอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การแข็งค่าของเงินเยนในปีปฏิทินนี้ก็ส่งผลต่อการทำตลาดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Toyota ยังคาดหวังการทำตลาดในประเทศเกิดใหม่เอาไว้สูง เช่นในแอฟริกาและเพราะยังมีโอกาสอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อเยอะขึ้น และความจำเป็นในการใช้รถยนต์ที่มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น Toyota จึงตั้งเป้ายอดขายในแง่จำนวนรถยนต์ของปีปฏิทินนี้ไว้ที่ 8.95 ล้านคัน
สรุป
ถือเป็นความท้าทายอย่างมากของ Toyota หลังพลาดเสียแชมป์ตลาดรถยนต์ระดับโลกให้กับกลุ่ม Volkswagen และกลุ่มพันธมิตร Renault Nissan ประกอบกับความยังไม่ชัดเจนนักกับการรุกตลารถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ถ้า Toyota ไม่ปรับอะไรบ้างในปีนี้ ก็เสี่ยงที่จะต้องอยู่ในอันดับเดิม
อ้างอิง // Japan Today, Toyota
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา