ช่วงเดือนที่ผ่านมาข่าวครีมทาผิว และเครื่องสำอางเถื่อนนั้นเป็นกระแสข่าวในวงกว้าง แสดงให้เห็นถึงความตระหนักของผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงาม แต่จะดีกว่าไหมถ้าการดูแลผิวนั้นใช้เวชสำอางที่มีคุณภาพสูงกว่า
เวชสำอางยังโต เพราะคนไทยอยากดูแลตัวเองมากขึ้น
แม้จะไม่มีตัวเลขมูลค่าตลาดที่ชัดเจน แต่เวชสำอางก็เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของมูลค่าตลาดสำอาง และผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศไทยกว่า 57,000 ล้านบาท และยิ่งความต้องการของผู้บริโภคที่เริ่มอยากดูแลตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังกังวลในเรื่องการแพ้เครื่องสำอาง รวมถึงฝุ่นละอองต่างๆ ทำให้เวชสำอางเริ่มโตเติบโตอย่างชัดเจน
รัตวรรณ ศิริบูรณ์พิพัฒนา ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ Eucerin ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เล่าให้ฟังว่า การเติบโตของเวชสำอางนั้นเติบโตมาโดยตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะโอกาสของผู้บริโภคที่จะเกิดอาการผิวแพ้ง่ายนั้นเพิ่มขึ้น ผ่านสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปของประเทศไทย
“มีแบรนด์เครื่องสำอางอื่นๆ เริ่มเข้ามาทำตลาดเวชสำอางในประเทศไทยมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าตลาดนี้มันมีความต้องการ แต่ด้วย Eucerin เป็นผู้สร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคในสินค้าประเภทนี้ ทำให้เรายังครองตำแหน่งผู้นำในตลาดได้มาระยะหนึ่งแล้ว”
ดังนั้นทิศทางของเวชสำอางหลังจากนี้จะมีแนวโน้มไปที่เรื่องการใช้งานกับผิวที่แพ้ง่าย ทำให้มีโอกาสเห็นหลากหลายแบรนด์ทำตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ เช่นครีมผิวแพ้ง่ายที่เหมาะกับการป้องกันผิวแห้งง่าย, ลดริ้วรอย หรือลดอาการแสบของผิว
ส่วน Eucerin นอกจากจะทำตลาดเวชสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย ยังทำตลาดผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลสิว และผลิตภัณฑ์กันแดด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการการป้องกันผิวกาย และมีปัญหาทางผิวมากกว่าคนอื่น โดยจะทำตลาดช่องทาง Online เพิ่มเติม เพื่อรองรับการซื้อผ่านช่องทางใหม่ๆ เช่นกัน
ล่าสุดเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ UltraSENSITIVE Q10X ที่เหมาะกับผู้ใช้กลุ่ม 30 ปีขึ้นไป มีจุดเด่นเรื่องดูแลผิวที่บอบบาง และมี Q10 ช่วยยกระชับทำให้ดูอ่อนกว่าวัย ประกอบด้วย 4 ผลิตภัณฑ์คือ Day Cream, Night Cream, Fluid และ Eye Cream ราคา 850-1,350 บาท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา