ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ร่าง พ.ร.ก.กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่ากำลังพิจารณาโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ส่วนตัวร่างพ.ร.ก. นั้นถือว่าจัดหนักเลยทีเดียว
หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีได้เห็นหลักชอบหลักการร่าง พ.ร.ก.กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด ร่าง พ.ร.ก. ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นคาดว่าจะได้ยื่นทูลเกล้าฯ ได้เร็วๆ นี้
ร่างพ.ร.ก. กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล มีอยู่ 70 มาตรา
ร่างพ.ร.ก. ดังกล่าวนี้มีอยู่ 70 มาตรา ประกอบด้วย 3 หัวข้อสำคัญๆ และรวมไปถึงการกำหนดนิยาม ได้แก่
- Cryptocurrency
- Token Digital
- ทรัพย์สินในรูปหน่วยข้อมูลอีเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่ รมว. คลังได้ประกาศ
ส่วนเรื่องของการตีราคาหรือว่ามูลค่าทรัพย์สินดิจิทัล จะมีการออกกฏเกณฑ์ตามมาภายหลังอีกที
ขาย ICO ต้องขอ ก.ล.ต.
ในร่างพ.ร.ก. นั้น การขาย Token หรือ ICO นั้นต้องขออนุญาตจากทาง ก.ล.ต. และรวมถึงต้องยื่นเอกสารข้อมูลเสนอขายและรวมไปถึงข้อมูลชี้ชวนด้วย ซึ่งหากไม่ดำเนินการตามนี้อาจถือว่าผิดกฏหมาย ถ้าหากเสนอขายไม่ผ่านตัวกลางที่ถูกกฏหมายอาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 เท่าของราคาขาย Token โดยค่าปรับจะเริ่มต้นที่ 500,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ส่วนถ้าหากยื่นเอกสารชี้ชวนที่เป็นเท็จจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 เท่าของราคาขาย Token โดยค่าปรับจะเริ่มต้นที่ 500,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ภาษี 15%
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เสนอข้อกฏหมายเข้าไปใน ร่างพ.ร.ก. ด้วย ถ้าหากซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วมีกำไรจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% รวมถึงภาษีเงินปันผลและภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย แต่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทั้งบุคคลและนิติบุคคล
สรุป
ถ้าอิงตามร่างพ.ร.ก. มีความเป็นไปได้ว่า ICO ของไทยหลายๆ รายอาจต้องออกไประดมทุนที่ต่างประเทศ เพราะว่าข้อกฏหมายเข้มงวดมาก และรวมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนไทยอาจมีการเคลื่อนย้ายออกไปต่างประเทศถาวรเพราะว่าเรื่องของภาษีที่นักลงทุนได้ส่งเสียงผ่าน Social Network ว่าเก็บภาษีแพงไปด้วย
ที่มา – หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ, หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา