Tops Daily มินิซูเปอร์มาร์เก็ตจากค่ายเซ็นทรัลได้ผนึกกำลังกับ Kerry Express ในการเพิ่มบริการจัดสงพัสดุ นำร่องเปิดบริการ 47 สาขาทั้งในกทม. และต่างจังหวัด
ยุคนี้วงการค้าปลีกไม่ใช่แค่พื้นที่ขายของอย่างเดียวแล้ว ต้องมีแม็กเน็ตเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มเติม ไม่ว่าจะฟอร์แมตร้านใหญ่ ไปจนถึงร้านเล็กๆ อย่างร้านสะดวกซื้อก็ต้องมีอัพเกรดบริการกันบ้างแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลมีการปรับตัว ปรับรูปแบบกันยกใหญ่ ทั้งตัวห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ไปจนถึงซูปเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ “Tops” และร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท ที่มีโมเดลใหม่ๆ เข้ามาเสริมตลอด
ล่าสุด Tops Daily (ท็อปส์ เดลี่) เป็นฟอร์แมตมินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่เล็กที่สุดในแบรนด์ Tops ได้รวมมือกับ Kerry Express บริษัทจัดส่งพัสดุ ในการให้บริการส่งพัสดุด่วนทั่วไทย โดยที่ถึงผู้รับในวันถัดไป เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้นักช้อป นำร่องเปิดให้บริการสาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จำนวน 47 สาขา ภายในเดือนมีนาคม 2561 และจะทยอยเปิดให้ครบทั้ง 70 สาขาในอนาคต
ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า
“บริษัทได้ร่วมกับ Kerry Express เรียกว่าเป็นการเพิ่มอีกหนึ่งบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทปรับคอนเซ็ปต์ร้านรูปแบบใหม่ในบางสาขาเป็น “โก กรีน” เน้นลดการใช้พลังงาน เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ลูกค้าลดการใช้ขยะพลาสติก และได้เพิ่มบริการใหม่ๆ ให้ลูกค้าท็อปส์ เดลี่ อาทิ เพิ่มมุมโค เวิร์คกิ้ง สเปซ ให้ลูกค้าสามารถนั่งทำงานหรือนั่งพักผ่อน พร้อมฟรีไวไฟ (Wi-Fi) ปลั๊กสำหรับชาร์จมือถือและจุดเสียบ USB ,เพิ่มมุมจำหน่ายอาหารเช้า, มุมถ่ายเอกสาร ปริ้นซ์ ส่งแฟกซ์ เคลือบบัตร, บริการจ่ายบิลล์ Cen Pay จ่ายค่าธรรมเนียม 5 บาท เป็นต้น”
การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการจับการแสช้อปออนไลน์ และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีการส่งสินค้าต่อเองทุกวัน เพิ่มความสะดวกด้วยการมีจุดให้บริการใกล้บ้าน ก่อนหน้านี้ได้มีมุมบริการของ Kerry Express ในแฟมิลี่มาร์ทเช่นกัน แต่ยังมีไม่กี่สาขา เป็นสาขาในโมเดลใหม่เท่านั้น
ปัจจุบัน Kerry Express มีจุดที่ให้บริการสำหรับบุคคลทั่วไปมาใช้บริการส่งพัสดุทั้งสิ้นกว่า 1,500 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าอีกกว่า 600 แห่ง ทั่วทุกจังหวัด โดยบริการจัดส่งถึงมือผู้รับภายในวันถัดไป (ND) สามารถให้บริการครอบคลุมมาก 99.9% จากจำนวนประชากรไทยทั้งหมด โดยในปีนี้มีแผนที่จะใช้งบลงทุนอีกอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท พร้อมเพิ่มอัตราการจ้างงานขึ้นอีก 6,000 คนภายในปี 2561
สรุป
ค้าปลีกยุคนี้ต้องมีพาร์ทเนอร์ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันจริงๆ ต้องมีบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค และต้องจับกระแสผู้บริโภคให้อยู่หมัด จึงจะสามารถสร้างลอยัลตี้กับลูกค้าได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา