บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของช่อง 3 เปิดข้อมูลผลประกอบการปี 2560 มีผลกำไร 61 ล้านบาท นี่คือ ผลกระทบที่รุนแรงมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการแบกต้นทุน 3 ช่อง (3Family, 3SD และ 3HD) ซึ่งเป็นโจทย์ที่ฝ่ายบริหารต้องแก้ไขโดยด่วน และต้องยอมรับด้วยว่าคู่แข่ง คือ ช่องดิจิทัลอื่นๆ ที่มาแรงด้วยคาแรกเตอร์ชัดเจนทำให้ “ละคร” และ “ข่าว” ที่เคยเป็นจุดแข็งของช่อง 3 ก็ไม่ได้เด่นเหมือนแต่ก่อน
สำหรับ “ข่าว” ช่อง 3 ได้รับผลกระทบตั้งแต่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา หายไปจากหน้าจอ ส่วน “ละคร” แม้จะมีดาราพระนาง มารวมกันเพียบ แต่ละครหลังข่าวก็ไม่ได้ดังเป็นพลุแตก เอาจริงๆ ที่เรียกเรทติ้งได้สูงมากเรื่องสุดท้าย น่าจะเป็นเรื่อง นาคี ด้วยซ้ำ
ล่าสุด บุพเพสันนิวาส เริ่มออกอากาศไปไม่กี่ตอน แต่สามารถเรียกเรทติ้งได้ดี กลายเป็นกระแส Talk of The Social และเป็นโอกาสในการเรียกความเชื่อมั่นอีกครั้ง คำถามคือ จากนี้ ช่อง 3 ควรเร่งมือทำอย่างไรต่อไป
Mello.me หนึ่งในอาวุธบุกออนไลน์
แพลตฟอร์ม คือสิ่งที่ผู้ให้บริการคอนเทนต์ทั้งหลายกำลังหาทางออกให้กับตัวเอง ช่อง 7 มี bugaboo tv มานานแล้ว ถือว่าทำได้ดีพอสมควร ขณะที่ช่องทีวีดิจิทัลอีกหลายราย เลือกจับมือพันธมิตรกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เช่น YouTube, LINE TV หรือ Facebook
สำหรับช่อง 3 ได้พัฒนา Mello.me เป็นแพลตฟอร์มของตัวเอง และเตรียมจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในเดือน มี.ค. นี้ ก่อนหน้านี้มีคอนเทนต์ที่โดดเด่น คือ Wrong Say Do ภาษาอังกฤษง่ายๆ ใครๆ ก็พูดได้ ที่ทำออกมาได้สนุก โดนใจคนรุ่นใหม่
ส่วนเวลานี้ บุพเพสันนิวาส ละครที่เพิ่งเริ่มต้น แต่กำลังดังมาก มีการรับชมย้อนหลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฉพาะทาง YouTube มียอดวิวหลายล้าน และส่งผลให้ช่อง 3 มียอด Subscribe เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6.4 ล้านราย (3 มี.ค. 61) ขณะที่การดูผ่าน Mello หลายตอนก็มียอดวิวหลักล้านเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการบุกโลกออนไลน์เต็มสูบของช่อง 3
ต่อไปช่อง 3 อาจจะออกอากาศทางทีวี ไปพร้อมๆ กับ Mello เลยก็ได้ (ไม่ต้องรอดูย้อนหลัง) แต่ก็ต้องเตรียมระบบรองรับผู้ชมหลักล้านไว้ให้พร้อม เพราะระบบล่ม ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชมต้องการ ศึกษาจาก The Mask Singer EP.1 ของ Workpoint รอบชิง ที่มีคนดูรวมจาก Facebook และ YouTube กว่า 1.6 ล้านรายได้ ที่ทำออกมาได้ดี และกลายเป็นกระแสร้อนแรงในปีที่ผ่านมา
เร่งขยายคอนเทนต์ออนไลน์ ขยายโอกาสสร้างรายได้
ช่อง 3 มีรายได้หลักจากโฆษณา ทำให้ที่ผ่านมาการออกอากาศละคร หรือรายการใดๆ จะยึดอยู่กับทีวีเป็นหลักก่อน เพื่อดึงให้คนดูจากทีวีก่อน แต่พฤติกรรมคนตอนนี้ ไม่ได้สนใจทีวีหรือออนไลน์แล้ว แต่สนใจแค่ว่า จะดูคอนเทนต์ได้จากทางไหนบ้าง ยิ่งเข้าถึงได้ง่าย จากหลากหลายช่องทาง ยิ่งดี
ดังนั้น เมื่อบุพเพสันนิวาส กำลังดังแบบนี้ การออกอากาศพร้อมกันหลายช่องทาง มีโอกาสสร้างฐานลูกค้าได้มากกว่า กลยุทธ์สำคัญต้องเร่งสร้างฐานคนดูให้ได้จากทุกช่องทาง จากนั้นต้องต่อยอดด้วยการขยายคอนเทนต์ออนไลน์ใหม่ๆ เพื่อดึงคนดูให้อยู่ต่อ
สิ่งที่เป็น “เบื้องหลัง” ของละครบุพเพสันนิวาส กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ พื้นที่ต่างๆ วัดต่างๆ เรื่องราวประวัติศาสตร์ เกร็ดความรู้ต่างๆ คือ สิ่งที่สามารถสร้างเป็นคอนเทนต์ออนไลน์ นำเสนอต่อจากละครได้ทันที ทำให้ดูละครได้สนุกมากขึ้น เมื่อเวลาออนแอร์ของทีวีมีจำกัด แต่เวลาบนออนไลน์มีไม่จำกัด ดูเมื่อไรก็ได้
เบื้องหลัง ไม่ได้หมายความว่า ต้องเป็นเรื่องดาราหลังกล้องระหว่างถ่ายทำละครเสมอไป แต่มีเรื่องราวน่ารู้อีกเยอะ และแนวทางนี้ยังใช้กับละครเรื่องอื่นๆ หรือคอนเทนต์อื่นๆ ได้ทั้งหมด
โหมกระแสท่องเที่ยว โอกาสสร้างธุรกิจใหม่
หลังจาก บุพเพสันนิวาส ออกอากาศได้ ดูเหมือนกระแสท่องเที่ยวอยุธยาจะได้รับความนิยมมากขึ้น คล้ายๆ ดูซีรีส์เกาหลี ต้องไปเที่ยวตามรอยซีรีส์ทำนองนั้น จากปกติอยุธยาก็ได้รับความนิยมจากการเที่ยวไหว้พระ สถานที่ทางประวัติศาสตร์อยู่แล้ว
ถ้าสามารถผูกเนื้อเรื่องในละครไปสู่การท่องเที่ยวสถานที่ตามประวัติศาสตร์ เป็นการเชื่อมโลกทีวีกับโลกความเป็นจริง น่าจะทำให้ได้กลุ่มคนดูละครใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เรียกว่า เรทติ้งมาแล้ว ขยายฐานออนไลน์ สร้างธุรกิจไปพร้อมกัน
และอย่าลืมว่า ช่อง3 ไม่ได้มีคนดูแค่คนไทยเท่านั้น แต่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ก็ดูอยู่เช่นกัน หมายถึงโอกาสต่อยอดอื่นๆ ตามมาอีก
สรุป
ถ้า Workpoint เป็นต้นแบบของทีวีดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และการรับรู้ของผู้ชมว่า เป็นช่องทีวีแห่งรายการเกมโชว์ ก็ถึงเวลาที่ BEC ช่อง 3 ต้องประกาศว่า เป็นอันดับ 1 ด้าน “ละคร” ที่สามารถต่อยอดคอนเทนต์ไปได้ไกลยิ่งกว่า ทำลายกำแพง ออนไลน์-ออฟไลน์ ผสานเป็นโลกเดียวกัน ไม่ได้ยึดติดกับโฆษณาและเน้นทีวีแบบเดิม แต่มุ่งหาธุรกิจและรายได้ใหม่ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา