Royal House เป็นหนึ่งในบริษัทรับสร้างบ้านที่หลายคนน่าจะรู้จักดี ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานมากกว่า 30 ปี โดย ศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการของ Royal House ที่สร้างมาตรฐานการทำงานไว้เป็นอย่างดี รับสร้างบ้านตั้งแต่ราคา 2 ล้านบาท ไปจนถึง 120 ล้านบาท ครอบคลุมในทุกระดับของตลาด แต่วันนี้ ศักดา กำลังจะส่งต่อให้กับผู้บริหารเจนเนอร์เรชั่นใหม่
โกศล โควิสุทธิ์ และ ประสงค์ โควิสุทธิ์ คือ 2 ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ที่จะนำทีม Royal House ในยุคต่อไป โดย โกศล เข้ามาทำงานได้ประมาณ 5 ปี มองเห็นแนวโน้มว่า คนไทยนิยมสร้างบ้านในช่วงปลายปี ทำให้เชื่อว่าครึ่งปีหลังนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะคึกคักมากขึ้น ขณะที่ ประสงค์ ที่เดิมทำงานอยู่กับ Royal House Holding พัฒนาที่ดินที่ภูเก็ต และมาร่วมงานกับ Royal House ได้ประมาณครึ่งปี มองว่า ต่างจังหวัดเป็นตลาดที่น่าสนใจ นำไปสู่การเปิดสาขาที่ 12 ที่อุบลราชธานี ในปลายปีนี้
ปรับบทบาทเป็นโค้ชให้คำปรึกษา
ศักดา โควิสุทธิ์ กรรรมการผู้จัดการ ของ Royal House บอกว่า ทำงานมา 31 ปี มีประสบการณ์ในการทำงานจากความผิดพลาด ลองผิดลองถูกในอดีต ปรับปรุงและพัฒนาจนสร้างมาตรฐานของ Royal House ถึงวันนี้ จึงเปลี่ยนบทบาทตัวเองไปเป็น โค้ช ให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ทั้ง 2 คน โดยให้แนวทางการทำงาน 4 ข้อคือ ขยัน, ประหยัด, ซื่อสัตย์, อดทน
โดยทั้ง 4 ข้อ มีความหมายต่ออนาคตของ Royal House คือ การทำงานขยัน จะทำให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ความประหยัด เป็นส่วนสำคัญของการเริ่มต้น การซื่อสัตย์ จะสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัท และสุดท้ายคือ อดทนทำงานหนัก จะทำให้บริษัทเติบโตต่อไป
ปรับแนวคิด เปลี่ยนมุมมอง จับตลาดลูกค้า Gen Y
ผู้บริหารเจนใหม่ทั้ง 2 คน มองว่า ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ คือกลุ่มคน Gen Y น่าจะสนใจการสร้างบ้านของตัวเองมากขึ้น เพราะชอบที่จะได้ออกแบบบ้านของตัวเอง ดีไซน์พื้นที่ใช้สอยต่างๆ ของบ้าน ทำให้ Royal House คิดค้นออกแบบบ้านโมเดลใหม่ๆ เพื่อรองรับกับความต้องการนี้
ดังนั้นแบบบ้านใหม่ จะปรับได้ตามความต้องการ เช่น RH235 เป็นบ้านที่ดูมีมิติ เหมาะกับครอบครัวยุคใหม่ และยังสามารถปรับให้เข้ากับขนาดของพื้นที่ 80 – 105 ตร.ว. หรือแบบ RH236 สำหรับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นที่ 164 ตร.ว. และ RH234 เป็นบ้านชั้นเดียว ในขนาดพื้นที่เล็กลงมาเหลือ 70 ตร.ว. ซึ่งเหมาะกับตลาดต่างจังหวัด ซึ่งแบบบ้านทั้งหมดให้บริการได้กับ Royal House ทั้ง 11 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพและปริมณฑล 7 สาขา ต่างจังหวัด 4 สาขา (ยังไม่รวมสาขาที่ 12 อุบลราชธานี – เปิดปลายปีนี้) โดยทีมงานของ Royal House เองทั้งหมด
Turn Key คือความแข็งแก่งของ Royal House
ด้วยประสบการณ์ที่ทำธุรกิจรับสร้างบ้านมานาน จุดเด่นของ Royal House คือ Turn Key Solutions คือให้บริการครบทั้งหมด มาที่นี่ที่เดียว ไม่ต้องไปที่อื่นอีกเลย ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบบ้าน สร้างบ้านได้ตามแบบ ติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ เรื่องสาธารณูปโภค จนเจ้าของบ้านสามารถเข้าอยู่ได้ ขณะที่บริษัทอื่นๆ อาจจะออกแบบได้ แต่สร้างได้ไม่เหมือนแบบ หรือรับสร้างอย่างเดียว เจ้าของบ้านต้องไปติดต่อเรื่องอื่นๆ เอง กลายเป็นความยุ่งยาก
ด้วยประสิทธิภาพในการทำ Turn Key Solutions มายาวนาน ทำให้ Royal House สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี และสร้างเสร็จได้ตามกำหนดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผลงานของ Royal House จึงเป็นที่ถูกใจเจ้าของบ้านทุกคน แม้จะมีราคาสูงกว่าบริษัทรับสร้างบ้านอื่นๆ เล็กน้อย แต่กับคำถามง่ายๆ ว่า บ้านที่จะอยู่อาศัยไปตลอดชีวิต เงินที่จ่ายเพิ่มขึ้นเทียบกับคุณภาพของบ้าน และความสะดวกสบายที่ได้รับ พร้อมรับประกันโครงสร้าง 20 ปี คุ้มค่าที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ Royal House ยังริเริ่มการทำ คู่มือมาตรฐานการสร้างบ้าน Royal House ที่มาจากความรู้ที่ผ่านมามากกว่า 30 ปี ให้กับลูกค้าเจ้าของบ้านทุกคน ใช้ในการตรวจรับบ้าน ซึ่งมีความละเอียดมากในการตรวจรับ ถ้ามีจุดไหนที่ยังไม่ผ่านมาตรฐาน ไม่ต้องจ่ายเงิน สร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งทำให้ Royal House แตกต่าง
รับสร้างอพาร์ทเม้น ตลาดใหม่ที่กำลังเริ่มต้น
ปกติ Royal House รับสร้างแต่บ้าน แต่ล่าสุดมีนักลงทุนจ้างให้สร้างอพาร์ทเม้นที่สระบุรี ซึ่งราคาสูงกว่าราคาตลาดแน่นอน เพราะ Royal House คิดราคา VAT ตามปกติ (ไม่หลบ VAT) แต่ลูกค้าที่จ้าง Royal House เพราะรู้และเชื่อใจในคุณภาพว่ามีมาตรฐานการสร้าง และ Royal House สามารถสร้างเสร็จได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นลูกค้าที่จ้าง สามารถเปิดอพาร์ทเม้นให้เช่าได้เร็วขึ้น และไม่ต้องห่วงปัญหาจุกจิกตามหลัง ก็ทำให้มีรายได้กลับมาเร็วขึ้น
เมื่อเทียบกับการใช้ผู้รับเหมาทั่วไป ที่มีราคาต่ำกว่า ก่อนรับงานอาจจะรับปากทำได้ทุกอย่าง แต่หลังจากรับเงินแล้วจะทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ส่วน Royal House เป็นบริษัทที่มีแบรนด์ชัดเจน ก่อนรับงานจะมีการเจรจาต่อรองให้จบ แต่รับรองจะทำออกมาให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียแบรนด์อายุกว่า 30 ปีแน่นอน
ความท้าทายในปัจจุบันของ Royal House
ในฐานะที่เป็นผู้บริหารใหม่ นอกจากต้องสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารบริษัทแล้ว ยังมองว่า อุปสรรคและความท้าทายของการทำธุรกิจรับสร้างบ้าน คือการบุกเปิดตลาดต่างจังหวัด ที่ยังมีโอกาสอีกมาก และยังต้องบริหารจัดการวัสดุก่อสร้าง ทั้งเรื่องราคา และต้องแย่งวัตถุดิบกับ Mega Project และสิ่งสุดท้ายคือ Social Media ที่ต้องระวัง เพราะถ้าทำได้ดีลูกค้าชม แต่ถ้าพลาดก็ต้องดูแลและแก้ไขให้ลูกค้าอย่างดีที่สุด
นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า Royal House แตกต่างและดีกว่าผู้รับสร้างบ้านรายอื่น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา