เปิดใจแม่ทัพ Ascend กับการแบกบริการ E-Wallet แข่งธนาคาร และ E-Commerce ชนทุนต่างชาติ

แม้เป็นเต้ยของบริการ E-Wallet ในชื่อ TrueMoney แต่ตอนนี้ธนาคารก็ลงมาแข่งด้วย QR Code ที่จ่ายตามร้านค้า ไหนจะ E-Commerce ที่ WeMall ก็ต้องชนกับทุนต่างชาติ ปีหน้าของกลุ่ม Ascend จึงท้าทายอย่างยิ่ง

ปี 2561 ไม่ใช่เรื่องง่ายของกลุ่ม Ascend

กลุ่ม Ascend สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นพี่ใหญ่ของบริการออนไลน์สัญชาติไทยก็ว่าได้ แต่ในปี 2561 ที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ทั้งเทคโนโลยี รวมถึงเงินทุนต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้แม่ทัพของ Ascend นั้นต้องคิดใหม่ ทำใหม่ในหลายเรื่อง เพื่อผ่านพ้นการแข่งขันนี้ไปให้ได้

ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กับ TrueMoney เล่าให้ฟังว่า Prompt Pay คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้กลุ่มธนาคารใหญ่ๆ ในประเทศไทยเข้ามารุกตลาดบริการ Retail Payment หรือการจ่ายเงินตามร้านค้าต่างๆ ได้ และผู้บริโภคก็ใช้ได้อย่างสะดวก เพราะเงินที่จ่ายนั้นผูกอยู่กับบัญชีของแต่ละธนาคาร

ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด

แต่ฝั่ง E-Wallet เองอย่าง TrueMoney ก็อยู่ในวง Prompt Pay เหมือนกัน ทำให้บริษัทต้องใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้มากที่สุด เพื่อสร้างการเติบโต และต่อยอดจากฐานผู้ใช้ที่มี 8 ล้านราย (Active 4 ล้านราย) ในประเทศไทย รวมถึงสามารถเดินตามพันธกิจที่ว่าด้วยการช่วยเหลือทุกคนให้เข้าถึงบริการทางการเงินอีกด้วย

แข่งด้วย Incentive เหมือน Visa-Master Card

“เมื่อการจ่ายด้วย Prompt Pay มันเป็นบริการพืื้นฐาน ธนาคารไหนก็ทำได้ รวมถึงบริการ E-Wallet ด้วย ดังนั้นการแข่งขันหลังจากนี้จะเดินไปในทิศทางว่าผู้เล่นคนไหนให้ Incentive กับร้านค้า และลูกค้าได้มากกว่ากัน เช่นส่วนลด เหมือนกับที่ Visa และ Master Card แข่งขันกันอยู่ตอนนี้”

สำหรับ TrueMoney คงไม่เข้าไปแข่งขันกับธนาคารตรงๆ เพราะธนาคารใหญ่กว่าทางกลุ่มมาก ดังนั้นการหานวัตกรรมด้านบริการใหม่ๆ ล่าสุดเพิ่งเปิดบริการ Donation (บริจาค) ให้กับองค์กร หรือมูลนิธิต่างๆ เช่น “โครงการก้าวคนละก้าว” ที่มีผู้ใช้บริจาคผ่าน TrueMoney กว่า 20 ล้านบาท เพื่อต่อยอดไปสู่ Crowd Sourcing Platform

นอกจากนี้การเดินเกมในตลาดต่างประเทศก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เช่นในกัมพูชา TrueMoney ก็มีเงินหมุนเวียนกว่า 6,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของมูลค่า GDP ที่นั่น โดยถ้ารวมอีก 5 ประเทศในอาเซียนที่เข้าไปทำตลาดจะมีผู้ใช้งาน 5 ล้านราย และถ้ารวมไทยด้วยจะมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากปีก่อน

อีกบริการใหม่ของ True Money ที่ส่งซองเงินของขวัญกันได้

ดึงประสบการณ์ Ant Financial เข้าสู้ศึก

“ถ้ามองแค่บริการทางการเงิน ไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าสิงคโปร์เลย แถมทิ้งห่างประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่หลายช่วงตัว แต่เพื่อให้ Ascend เป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้ จึงดึงประสบการณ์จาก Ant Financial ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของเรามาให้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่อง CRM ที่ช่วยบริหารจัดการร้านค้า ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ช่วยเราได้เยอะ”

อย่างไรก็ตามนั่นแค่หนึ่งในส่วนธุรกิจของ Ascend และเป็นส่วนที่ดูดีที่สุดของทางกลุ่ม เพราะยังเหลืออีก 2 ธุรกิจคือ Data Center ในชื่อ True IDC ที่เติบโตได้ดีไม่แพ้กับ True Money ผ่านรายได้เพิ่ม 30% และมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่นการสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ แถมยังมี Supernap ที่เป็นไซต์ขนาดใหญ่ที่หลายฝ่ายสนใจมาก

แต่อีกธุรกิจคือ E-Commerce ที่มีบริการ WeMall และ WeLoveShopping กลับถูกลดดีกรีการทำตลาดลง เพราะการแข่งขันของธุรกิจนี้ค่อนข้างดุเดือด ผ่านเกมการแข่งขันที่กลายเป็นของทุนต่างชาติเต็มตัว และเป็นการยากที่จะมีใครยอมทุ่มเงินถึงขนาด Amazon กับ Alibaba ได้

ไม่ทิ้ง E-Commerce แต่จะปรับให้เหมาะสม

“ยืนยันว่า Ascend ยังไม่ทิ้ง E-Commerce ในเร็วๆ นี้แน่ และเรายังลงทุนเรื่องนี้ต่อเนื่อง แม้การแข่งขันจะดุเดือด ผ่าน Alibaba ที่ต้องการชนะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไหนจะ Amazon ที่กำลังเตรียมเข้ามา รวมถึง Shopee ที่ทุ่มเหมือนกัน ส่วน 11street ของเกาหลีได้ยินว่าอาจจะไปแล้วก็ได้ ไหนจะเซ็นทรัลกับ JD.com อีก”

เมื่อเป็นเงินทุนระดับโลกมาสู้กัน “ปุณณมาศ” มองว่าสุดท้ายก็เหลือแค่ Amazon กับ Alibaba ซึ่งรายหลังนั้นมีกำไรต่อเดือนกว่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36,000 ล้านบาท) และถ้าเอากำไรก้อนนี้มาทุ่มตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คงยากที่จะมีใครสู้ด้วย

ทำให้ทางกลุ่มตัดสินใจมองหาช่องทางใหม่ๆ เช่นบริการ O2O (Online to Offline) ไม่ได้ไปแข่งขันตรงๆ กับผู้เล่นระดับโลก พร้อมลงทุนหลัก 100 ล้านบาททุกปี แต่ฝั่ง WeLoveShopping นั้นยังเติบโตได้ดีอยู่ เพราะมีลักษณะเป็น E-Marketplace ไม่ใช่หน้าร้านที่บริษัทบริหารจัดการเองทั้งหมด

สรุป

ปีนี้รายได้ของกลุ่ม Ascend น่าจะปิดที่ 8,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีหน้าเติบโต 15-20% โดยหลักๆ มาจากธุรกิจ TrueMoney ที่ปีหน้าตั้งเป้ายอดผู้ใช้ Active ในไทยเป็น 5 ล้านคน และจากคำสัมภาษณ์ของแม่ทัพ Ascend นั้นแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ง่ายๆ เลยที่ Ascend จะฝ่าฟันความท้าทายนี้ไปได้ เพราะทั้งทุนธนาคารเองก็ใหญ่ ยิ่งฝั่ง E-Commerce ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ดังนั้นคงต้องรอดูกันยาวๆ ว่าหลังจากนี้ Ascend จะแก้เกมธุรกิจอย่างไรบ้าง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา