ผมเอา ‘มะเขือเทศ’ มาฝาก อยากให้คุณได้กิน ผัก (?) มีวิตามิน ไม่ต้องกินของแพง

ไม่ว่ามะเขือเทศจะเป็นผักหรือผลไม้ ในเชิงเศรษฐกิจแล้ว มันคือพืชผลสำคัญของ ‘ซินเจียง’ ประเทศจีน เพราะเขตปกครองตนเองแห่งนี้เป็นแหล่งผลิต ‘ซอสมะเขือเทศ’ (Tomato Paste) รายหลักของโลกมานานถึง 1 ทศวรรษ
‘ซอสมะเขือเทศ’ ในที่นี้คือ Tomato Paste ซึ่งไม่ใช่ซอสทั่วๆ ไปที่ใช้จิ้มอย่าง ‘Ketchup’ แต่หมายถึงซอสที่มีความเข้มข้นกว่า และมักถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารอิตาเลียน เช่น พาสต้า และ พิซซ่า
ซึ่งนี่ล่ะคือปัญหา เพราะตอนนี้ ‘อิตาลี’ นำเข้าซอสมะเขือเทศจากจีนน้อยลง ส่งผลให้มีสต็อกค้างอยู่เป็นเบือ
ปัญหานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? มาดูกัน
จากส่งออก 11 ล้านตัน สู่ 3.7 ล้านตัน

สำนักข่าว ‘Financial Times’ รายงานว่า ในปี 2021 ซินเจียงส่งออกซอสมะเขือเทศมากถึง 4.8 ล้านตัน ก่อนตัวเลขจะทะยานขึ้นเป็น 11 ล้านตันในปี 2024 แต่แล้ว ยอดก็ลดฮวบลง โดยคาดว่าเหลือเพียงราวๆ 3.7 ล้านตันในปี 2025 เท่านั้น เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคชาวยุโรปลดลง
ข้อมูลนี้ยังได้รับการยืนยันจากศุลกากรของจีนด้วย เพราะมูลค่าการส่งออกมะเขือเทศแปรรูปไปยังอิตาลีในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ยังเหลือเพียง 409 ล้านบาท จากปี 2024 ที่มียอดสูงถึง 2,360 ล้านบาท
‘Tomato News’ องค์กรที่รวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับอุตสาหกรรมมะเขือเทศ บอกอีกว่า ยอดส่งออกซอสมะเขือเทศจากจีนไปยุโรปตะวันตกกับอิตาลีในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 นั้น ลดลงถึง 67% และ 76% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
Tomato News คาดว่า ในปี 2025 จีนน่าจะมีสต็อกซอสมะเขือเทศเหลือค้างประมาณ 6-7 แสนตัน หรือเทียบเท่ากับยอดส่งออกปกติประมาณ 6 เดือนเลย
แน่ล่ะว่า เมื่อเศรษฐกิจและการเมืองโลกไม่ค่อยดี ตัวเลขการนำเข้า-ส่งออกจะเปลี่ยนไปบ้างคงไม่แปลก แต่ ‘Chris Elliot’ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานอาหารทั่วโลก มองว่า การที่ตัวเลขลดลงภายในระยะเวลาสั้นขนาดนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจมากทีเดียว
ทุกอย่างเป็นเพราะข่าวลือเรื่องการใช้แรงงานอุยกูร์อย่างไม่เป็นธรรม

เดิมทีที่ซินเจียงได้เป็นแหล่งส่งออกซอสมะเขือเทศรายหลักของโลก ก็เพราะต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าคนอื่นถึงครึ่งหนึ่ง แต่ในบางครั้ง การประหยัดต้นทุนไม่สำคัญเท่าการเห็นใจเพื่อนร่วมโลก เพราะเขตปกครองตนเองแห่งนี้ คือบ้านของ ‘ชาวอุยกูร์’ หลายล้านคน
เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อไม่กี่ปีก่อน มีข่าวรายงานว่า จีนกำลังใช้แรงงานอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย โดยที่พวกเขาไม่เต็มใจ แถมยังมีพฤติกรรมต่อคนกลุ่มนี้เสมือนว่าจะล้างเผ่าพันธุ์เสียด้วย
อุตสาหกรรมมะเขือเทศก็เป็นหนึ่งในวงการที่ทางสารคดีของ BBC รายงานว่า มีการใช้แรงงานชาวอุยกูร์อย่างไม่เป็นธรรม ผ่านการบีบบังคับให้พวกเขาเก็บเกี่ยวผลเหล่านี้ ก่อนนำไปส่งให้ประเทศแถบยุโรป
แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ข่าวลือที่ออกไปก็ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมมะเขือเทศในยุโรปไม่น้อย ทำให้ลูกค้าหลายๆ รายเริ่มไม่อยากนำเข้าซอสมะเขือเทศจากประเทศนี้ พร้อมกำชับผู้จัดหาว่า อย่านำผลิตภัณฑ์จากซินเจียงมาใช้ในไลน์การผลิตเป็นอันขาด
ผิดตั้งแต่ไปเคลมว่าเป็นของอิตาลี 100% แล้ว

จริงๆ อีกหนึ่งแรงกดดันที่ทำให้ยุโรปนำเข้าซอสมะเขือเทศจากซินเจียงน้อยลง ก็เป็นเพราะในปี 2021 สมาคมเกษตรกรที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เคยบุกเข้าไปโรงงานผลิตซอสพาสต้ากับมะเขือเทศกระป๋อง แล้วพบว่ามีการแอบนำซอสมะเขือเทศของจีนมาผสม ทั้งๆ ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสินค้าจากอิตาลี 100%
‘Francesco Mutti’ ซีอีโอบริษัทขายผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศรายหนึ่ง อธิบายว่า หากอิตาลีมีธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศสัก 80 ราย เดาได้เลยว่าอย่างน้อย 3-5 เจ้าในนั้นต้องแอบใช้กลเม็ดสกปรกๆ แบบนี้
Mutti บอกอีกว่า ข่าวที่สมาคมไปบุกยึดของกลางจากโรงงานมะเขือเทศแปรรูป ส่งผลเสียถึงสองต่อ เพราะนอกจากจะบีบบังคับให้ผู้ประกอบการต้องลดราคาลงแล้ว ยังทำลายความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์อิตาเลียนด้วย
อุปทานลดฮวบ อุปสงค์เท่าเดิม ยุโรปจะผลิตทันไหม?

ในเมื่อนำเข้าจากจีนไม่ได้ เพราะมีการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม แถมยังไม่สามารถเจือปนวัตถุดิบจากประเทศอื่นๆ อีก เช่นนี้ ยุโรปจะจัดหาซอสมะเขือเทศมาอย่างไร ในยามที่อุปทานลดลง ขณะที่อุปสงค์เท่าเดิม?
Elliot เผยว่า ยุโรปคือทวีปที่ใช้ซอสมะเขือเทศหนักมากๆ ตั้งแต่การทำพิซซ่าไปจนถึงซุป โดยผู้ผลิตรายหลักในยุโรปคืออิตาลี โปรตุเกส สเปน กับกรีซ ซึ่งคงไม่สามารถขยายกำลังการผลิตในค่ำคืนเดียวแน่ๆ แถมผลผลิตของพวกเขายังขึ้นอยู่ปัจจัยที่เลี่ยงไม่ได้หลายอย่าง เช่น สภาพอากาศ รวมถึงความจำกัดของน้ำและพื้นที่
Elliot บอกอีกว่า หากจะให้ไปพึ่งตุรกีหรือยูเครนก็ใช่เรื่อง เพราะแม้มีศักยภาพมากพอในการส่งออก แต่ก็มีปัญหาเรื่องการเมืองและการขนส่งอยู่ดี
ในเมื่ออุปทานหายไปในพริบตาเช่นนี้ Elliot คาดว่า มันมีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจะนำซอสมะเขือเทศราคาถูกจากประเทศอื่นๆ กลับมาผสมอีกครั้ง
สุดท้ายนี้ ยุโรปจะจัดการปัญหาอย่างไร? หรือจะต้องกลับไปพึ่งจีน แล้วหลับหูหลับตาเรื่องสิทธิมนุษยชนเสีย เราคงต้องติดตามกันต่อไป
- ญี่ปุ่นก็แบนบังคับใช้แรงงานอุยกูร์ในจีน: Kagome ระงับนำเข้ามะเขือเทศซินเจียง
- จีนยืนยัน ไม่มีการบังคับชาวอุยกูร์ ในอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ หลังสหรัฐแบนนำเข้าวัตถุดิบ
ที่มา: Financial Times, New Food Magazine, BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา