พูดถึงพฤกษา หลายคนคงนึกถึงเจ้าตลาดอสังหาฯ ที่เคยครองส่วนแบ่งสูงสุดในบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมราคาจับต้องได้ แต่ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ภาพของพฤกษากำลังถูกเขียนขึ้นใหม่อีกครั้ง
Brand Inside มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษกับ ‘ปุ๋ย – ปัทมา ปิยะมณีพร’ ผู้บริหารหญิงที่เติบโตมากับองค์กรกว่า 11 ปี วันนี้เธอก้าวขึ้นมาเป็น DG-CEO หรือรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
“พฤกษาเคยโตแบบก้าวกระโดดในอดีต แต่ตลาดวันนี้ไม่ได้เอื้อแบบนั้นอีกแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือ Rebound หรือเด้งกลับอย่างมีคุณภาพ และสร้างรากฐานที่แข็งแรงกว่าเดิม ด้วยการกลับมาทำสิ่งที่ตัวเราเองเชี่ยวชาญ”
ภาพของพฤกษาหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร การเติบโตแบบ Mass Market เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป โจทย์ของเธอคือการทำให้องค์กรกลับมายืนในจุดที่มั่นคง และพร้อมเผชิญกับความผันผวนของตลาดได้ดีกว่าเดิม ซึ่งแนวทางที่ถูกวางไว้คือ “The Strategic Rebound” ที่ไม่ได้หมายถึงแค่การกลับไปที่เดิม แต่คือการยกระดับโครงสร้างธุรกิจให้สมดุลและยั่งยืนกว่าเดิม
ภาพรวมครึ่งปีแรก 2025 การเงินยังแข็งแกร่ง
ครึ่งปีแรกของปี 2568 พฤกษามีรายได้รวม 6,944 ล้านบาท
แม้ไม่ใช่ตัวเลขที่หวือหวาเหมือนเมื่อสิบปีก่อน แต่กลับสะท้อนคุณภาพของรายได้ที่ดีกว่าเดิม
- อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 34.5% จากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
- สถานะหนี้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรงมาก ด้วย Net D/E เพียง 0.32 เท่า
- นอกจากนั้น ยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ถูกใช้กว่า 9,100 ล้านบาท
ตัวเลขเหล่านี้คือคำตอบว่า พฤกษามีวินัยทางการเงิน และพร้อมจะลงทุนต่อไปโดยไม่กังวล
เธอย้ำว่า “สิ่งที่เรามีวันนี้คือความมั่นคงทางการเงิน มันทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนในโครงการไหน ลงทุนกับพาร์ตเนอร์แบบใด และลงทุนอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนจริงๆ”
จากอสังหาฯ สู่แพลตฟอร์ม Well-Living
พฤกษากำลังปรับโฟกัสใหม่ จากการเน้นตลาดแมสไปสู่การเจาะกลุ่ม กลางถึงบน โดยในครึ่งปีแรก กลุ่มเรียลเอสเตททำยอดขาย 5,400 ล้านบาท และมีรายได้ 5,172 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,500 ล้านบาท หนึ่งในไฮไลต์คือ Chapter เจริญกรุง–ริเวอร์ไซด์ คอนโด Low-Rise ที่ตั้งอยู่บนที่ดิน Freehold ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำยอดขายได้ถึง 733 ล้านบาท หรือคิดเป็น Take Up Rate 51.3%
ครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดอีก 12 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.15 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวหรูอย่าง The Reserve Villa สุขุมวิท 89/1 ที่ร่วมทุนกับ CapitaLand และ The Palm Courtyard บางนา กม.8 ซึ่งเน้นดีไซน์บ้านแบบคอร์ทยาร์ดและ Universal Design รองรับทุกวัย ทั้งหมดนี้สะท้อนการ repositioning ชัดเจน ว่าพฤกษาไม่ได้ทำเพื่อ “ขายได้” เท่านั้น แต่ต้องการสร้างโครงการที่มีคุณค่าและเติบโตในระยะยาว
“แทบจะไม่มีผู้เล่นรายไหนในตลาดที่มีโครงสร้างครบเหมือนพฤกษา ตั้งแต่โรงงานผลิตวัสดุ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงโรงพยาบาล ทุกธุรกิจถูกเชื่อมเข้าหากันจนสามารถควบคุมต้นทุนได้เหนือกว่าคู่แข่ง” ปัทมาบอก พร้อมย้ำด้วยว่า “สิ่งที่จะทำให้พฤกษาโดดเด่น ไม่ใช่เพียงการยืนในแต่ละธุรกิจ แต่คือการ Synergy ทั้งสี่เสาหลัก ให้ทำงานร่วมกันเป็น ecosystem ที่สมบูรณ์ ตั้งแต่บ้านที่อยู่อาศัย ไปจนถึงการดูแลสุขภาพในแนวคิด Health-to-Home บ้านที่เสริมพลังสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น”
นอกจากนั้น อีกหนึ่งในธุรกิจหลักจะเป็นการทำให้ธุรกิจก่อสร้างให้กลายเป็น profit center ผ่านแบรนด์ Plantnery ที่รับสร้างบ้านระดับกลาง-บน พร้อมรับประกันโครงสร้าง 20 ปี และ IHC – Inno Home Construction ที่รับงานโครงการอสังหาฯ โรงแรม และอพาร์ตเมนต์แบบ One-stop รวมถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์เสา-คานพรีคาสท์จาก Inno Precast ทั้งหมดนี้ช่วยให้บริษัทไม่เพียงควบคุมต้นทุนได้ดี แต่ยังสร้างรายได้จาก “งานนอกเครือ” เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนธุรกิจเฮลท์แคร์ วิมุต กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ครึ่งปีแรกทำรายได้ 1,044 ล้านบาท EBITDA พุ่งขึ้นเป็น 88 ล้านบาท การเปิดศูนย์สุขภาพปอดใหม่ด้วยเทคโนโลยี EBUS ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 15 เท่า พร้อมเดินหน้าลงทุนโรงพยาบาลใหม่ทั้งที่ทองหล่อและสุขุมวิทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ วิมุตยังจับมือพันธมิตรอย่าง CosMediTour รุกตลาดต่างชาติ โดยเฉพาะโอเชียเนีย และเจาะตลาดพรีเมียมในประเทศผ่านเครือข่ายที่ปรึกษาประกันระดับโลกอย่าง MDRT
ในฝั่งธุรกิจใหม่ พฤกษาเปิดตัว Pruksa Pass โมเดลเช่าก่อนซื้อ ที่ค่าเช่าสามารถนำไปเป็นเงินดาวน์ได้ และยังเตรียมเปิดตัว iPlearn แบรนด์ธุรกิจเช่าที่อยู่อาศัยที่ตั้งเป้าให้ผลตอบแทนค่าเช่า 6–8% ต่อปี ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดเจนว่าองค์กรกำลังสร้าง recurring income เพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากวัฏจักรอสังหาฯ
วัฒนธรรมใหม่ของค์กร Work Life Well-Lived เน้นสร้างคนไปพร้อมกับธุรกิจ
สิ่งที่ทำให้ภาพพฤกษายุคใหม่สมบูรณ์คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรงควบคู่ไปกับธุรกิจ พฤกษาเปิดตัวแบรนด์ดีเอ็นเอใหม่ “WORK LIFE WELL-LIVED ชีวิตอย่างดี… ที่พฤกษา” เพื่อสะท้อนว่าที่นี่ไม่ใช่เพียงที่ทำงาน แต่คือบ้านหลังที่สองของคนทำงาน
องค์กรลงทุนอย่างจริงจังในการพัฒนาคน ตั้งแต่ E-Learning กว่า 2,500 หลักสูตร, IDP เฉพาะบุคคล, Coaching & Mentoring ไปจนถึงโอกาสเติบโตที่ชัดเจนในสายงานและข้ามบริษัทในเครือ สวัสดิการก็ถูกยกระดับมากขึ้น ตั้งแต่สิทธิ์ลุ้นบ้านและคอนโดทุกปี ส่วนลดซื้อโครงการสูงสุด 10% ประกันสุขภาพครอบครัว ส่วนลดค่ารักษาในเครือวิมุตสูงสุด 50% บริการโค้ชสุขภาพและที่ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ไปจนถึงการทำงานแบบ Hybrid และ Flexible Hours
ที่สำคัญคือการเคารพความหลากหลายอย่างแท้จริง พนักงานสามารถแสดงออกได้ตามอัตลักษณ์ทางเพศ ใช้ห้องน้ำตามเพศสภาพ มีสิทธิวันลาเพื่อการผ่าตัดแปลงเพศ และสวัสดิการที่ครอบคลุมคู่สมรสและครอบครัวทุกรูปแบบ โครงการ Live well Stay well Club เปิดโอกาสให้พนักงานบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ของตนเองผ่านโซเชียล พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ กลายเป็นพื้นที่ที่พนักงานส่งต่อพลังบวกจากความสุขเล็กๆ ในทุกวัน
บทสรุปพฤกษายุคใหม่
ชัดเจนว่าภายใต้การนำของ ‘ปุ๋ย – ปัทมา ปิยะมณีพร’ พฤกษากำลังนิยามตัวเองใหม่จากผู้พัฒนาอสังหาฯ สู่แพลตฟอร์มการใช้ชีวิตที่ครบวงจร ฐานะการเงินที่แข็งแรง แผนธุรกิจที่ชัดเจน และวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจ “คน” ทำให้องค์กรพร้อมจะเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างมั่นคง
การ Rebound ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องชั่วคราว แต่คือการสร้างสมดุลใหม่ของการเติบโต เพื่อให้พฤกษาเป็นที่ที่ลูกค้าอยากอยู่อาศัย นักลงทุนมั่นใจ และพนักงานภูมิใจที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ภายใต้โมเดล Lifetime Well Living – อยู่ดี…ทั้งชีวิต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา