สรุปแล้ว AI เป็นแค่ ‘กระแส’ หรือจะเข้ามา ‘เปลี่ยน’ วิธีการทำงานจริง
เรื่องนี้ ‘ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Microsoft ประเทศไทย ตอบกับ Brand Inside ชัดๆ ว่า “มันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันกำลังเข้ามาเปลี่ยนทุกอุตสาหกรรม ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในสายเทคโนโลยีเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ การพูดถึง AI มักจบลงที่คำถามว่า “จะมาแทนคนหรือไม่” แต่วันนี้ ‘ธนวัฒน์’ มองว่า AI กลายเป็น ‘เพื่อนร่วมทีม’ ที่ทำงานร่วมกับคน และกำลังเปลี่ยนบทบาทคนในองค์กร ให้ขยับไปสู่ระดับที่มีอิมแพคสูงขึ้น
“AI จะช่วยเราโฟกัสในงานที่มีอิมแพคสูง งานที่ซ้ำซากให้ AI ทำได้เลย บางเรื่องซับซ้อน AI ก็ช่วยได้ เช่น การทำแผนธุรกิจ หรือวิเคราะห์ตลาดใหม่ๆ”
จาก ‘ผู้ช่วย’ สู่ ‘เพื่อนร่วมงาน’
ข้อมูลจากรายงาน Work Trend Index 2025 ที่จัดทำโดย Microsoft ชี้ว่า องค์กรชั้นนำทั่วโลก รวมถึงไทย กำลังขยับเข้าสู่จุดเปลี่ยนของการสร้างทีมแบบใหม่ ที่มีมนุษย์เป็น ‘หัวหน้า’ และ AI เป็น ‘ลูกน้อง’ ซึ่งไม่ใช่คำเปรียบเปรยอีกต่อไป แต่เป็นการแบ่งงานที่ชัดเจน ระหว่างคนและระบบอัตโนมัติ
สำหรับองค์กรในไทย รายงานพบว่า กว่า 68% เริ่มนำ AI มาใช้ในกระบวนการทำงานบางส่วนแล้ว และอีก 90% ของผู้บริหารมีแผนนำ ‘AI Agent’ หรือผู้ช่วย AI เข้ามาเสริมภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า โดยมองว่า ความฉลาดพร้อมใช้จาก AI Agent จะช่วยงานของมนุษย์ที่กำลังล้นมือ
ขณะเดียวกัน พนักงานถึง 88% ก็บอกว่า พวกเขาทำงานเต็มแม็กซ์แล้ว ไม่มีเวลาเหลือจะรับงานเพิ่ม ตามรายงานที่พบว่า คนทำงานโดนขัดจังหวะเฉลี่ยทุก 2 นาที หรือราว 275 ครั้งต่อวัน
‘ธนวัฒน์’ มองว่า AI จึงจะเข้ามาเป็นระบบที่ลดงานจุกจิก และเพิ่มเวลาสร้างสรรค์ให้พนักงานกลับมาโฟกัสกับสิ่งสำคัญได้อีกครั้ง
อีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจ คือการเปลี่ยนบทบาทพนักงานทุกคนให้เป็น ‘Agent Boss’ หรือ ‘หัวหน้าของ AI’ โดย ‘ธนวัฒน์’ เล่าให้ฟังว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า พนักงานจะต้อง:
- ออกแบบระบบงานร่วมกับ AI
- บริหารจัดการและฝึกสอน AI Agent
- สร้างระบบอัตโนมัติสำหรับงานที่ซับซ้อน
- ประเมินผลและปรับปรุงการทำงานของ AI อย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI จะไม่ใช่สิ่งที่อยู่ห่างไกลจากคนทำงานทั่วไปอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเพื่อนร่วมงานคนสำคัญ ที่ทุกคนต้องเรียนรู้และบริหารจัดการให้เป็น
สำคัญที่สุด คือเริ่มจาก ‘mindset’
สิ่งที่ ‘ธนวัฒน์’ ย้ำเป็นพิเศษคือ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค AI ไม่ได้เริ่มจากทักษะ แต่เริ่มจาก ‘mindset’ เพราะหากพนักงานหรือผู้บริหารไม่เปิดรับ หรือไม่เชื่อว่า AI จะสร้างประโยชน์ได้ ก็จะไม่มีวันก้าวไปถึงจุดที่ AI สร้างมูลค่าให้กับองค์กรได้จริง
“ถ้าเราไม่เปิดใจ เราจะไม่แม้แต่ลอง AI ด้วยซ้ำ นั่นเท่ากับเราเสียโอกาสไปแล้ว”
เมื่อเรามี mindset ที่ใช่ การพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหา และการสื่อสาร ก็จะกลายเป็นเรื่องที่สามารถฝึกฝน และนำไปใช้คู่กับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไทยยังไม่ช้า แต่ก็ควรเร่งแล้ว
แม้การนำ AI มาใช้ในองค์กรไทยจะเริ่มต้นแล้ว แต่ ‘ธนวัฒน์’ ยังมองว่านี่เป็นเพียงช่วง Early Stage และยังไม่มีประเทศไหนเป็นผู้ชนะที่ชัดเจนในสนามนี้
“Generative AI เพิ่งบูมแค่ราว 2 ปีเท่านั้น ยังไม่มีใครชนะ และไทยก็ยังไม่ช้าเกินไป”
‘ธนวัฒน์’ ย้ำว่า สิ่งสำคัญตอนนี้ไม่ใช่แค่เรียนรู้ AI แต่คือการเร่งสร้าง ‘Frontier Firm’ หรือ ‘องค์กรระดับแนวหน้าด้านนวัตกรรม’ ให้มากขึ้น จากหลักสิบ สู่หลักพัน และหลักแสนองค์กรทั่วประเทศ เพราะถ้าไทยมี Frontier Firm น้อย ความสามารถในการแข่งขันของประเทศก็จะลดลง
สรุปก็คือ การเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการวางอนาคตขององค์กรว่า จะเลือก ‘โตแบบเดิม’ หรือ ‘ก้าวไปสู่อนาคต’ ด้วยทีมงานที่มี AI Agent ทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างมีระบบ
เพราะในโลกที่เปลี่ยนเร็วอย่างตอนนี้ องค์กรที่ชนะ จะไม่ใช่แค่บริษัทที่มีคนเก่งที่สุด แต่อาจเป็นบริษัทที่ใช้ AI เก่งที่สุดก็เป็นได้
- Microsoft ประเทศไทย มองว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ AI ไม่ใช่ทักษะ แต่การเปิดใจ
- Microsoft มองคนไทยประยุกต์ AI ไปใช้ไม่ดีพอ กระตุ้นองค์กรเร่งอบรม มองเทรนด์ BYOAI เป็นอีกความเสี่ยง
ที่มา: งาน Work Trend Index 2025 ของ Microsoft ประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา