ในไทยเราคงคุ้นชินกับภาพของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินกันขวักไขว่ทั่วเมือง แต่ในปี 2568 นี้ ภายใน 4 เดือนแรก กลับพบว่านักท่องเที่ยวจีนลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ที่ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในเอเชีย ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกระยะเวลาต่อทริปสั้นลง ลดขนาดกลุ่มเดินทาง และมองหาจุดหมายปลายทางใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า อย่างเวียดนามหรือมาเลเซีย
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าการท่องเที่ยวไทยจะซบเซาหรือน่ากังวลไปเสียทั้งหมด เพราะจากข้อมูลของ Yango Ads พบว่ายังมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่น่าสนใจ และถือเป็นโอกาสใหม่ของการท่องเที่ยวไทย
นั่นก็คือกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมถึงรัสเซีย อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาชี้ว่า ภายใน 5 เดือนแรกของปี 2568 นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ติดอันดับ 3 กลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยมากที่สุด (947,352 คน) ตามหลังเพียงแค่จีนและมาเลเซียเท่านั้น
นักท่องเที่ยวรัสเซีย และประเทศกลุ่มเครือรัฐเอกราชไม่ใช่กลุ่มเล็กๆ ที่ควรมองข้ามอีกต่อไป ไม่เพียงแต่มีความต้องการการท่องเที่ยวที่สูง แต่ยังเป็นกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหลัก มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล และวางแผนการเดินทางอย่างมีเป้าหมาย
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายที่มากขึ้น พักผ่อนแต่ละทริปนานขึ้น และท่องเที่ยวในสถานที่ที่ไกลขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่ของการท่องเที่ยวไทยที่มีศักยภาพอย่างมาก
จากรายงานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปี 2568 ของ Yango Ads บอกว่า 40% นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มีการใช้จ่ายต่อทริปสูงถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทริป
ไม่เพียงเท่านี้ ส่วนใหญ่ยังนิยมพักในที่พักระดับ 4-5 ดาว ระยะเวลาของแต่ละทริปเฉลี่ยอยู่ที่ 8-14 วัน หรือเท่ากับ 2 สัปดาห์
และอีกเกือบครึ่งที่วางแผนการเดินทางล่วงหน้านานถึง 2-3 เดือน ซึ่งในช่วงเวลาก่อนเดินทางนี้เองที่เป็นโอกาสให้การท่องเที่ยวไทยทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ และเปลี่ยนจากความสนใจให้กลายมาเป็นยอดจองจริง
ด้วยแรงหนุนจากชนชั้นกลางที่มีฐานะดีขึ้น ประกอบกับการขยายตัวของเส้นทางการบินและความต้องการท่องเที่ยวในระยะไกลที่เพิ่มขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ประเทศไทย กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของการพักผ่อนระดับพรีเมียมของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา