ยุคท้าทายคนไทยมีลูกน้อยลง ไครโอวิวา ปรับแผนสู้สู่ผู้นำการเก็บสเต็มเซลล์ในไทยและอาเซียน

หนึ่งในผู้ให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์ “ไครโอวิวา” มองความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนี้ มีผลต่อการชะลอการใช้จ่ายด้าน Health & Wellness Economy อยู่บ้าง แต่เชื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งไทยและต่างชาติที่ต่างให้ความสำคัญต่อสุขภาพทั้งของตนเอง และคนในครอบครัว รวมไปแผนค่าใช้จ่ายในด้านสุขภาพมีความยืดหยุ่นมากขึ้นตามกำลังซื้อ ที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม

จิรัญญา ประชาเสรี ประธานกรรมการบริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด (กลาง), กมลรัตน์ ศรีถวิล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย), ว่าที่เรือตรี กันตพัฒน์ คเชนทร์ไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด

จิรัญญา ประชาเสรี ประธานกรรมการบริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไครโอวิวา (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจ Health & Wellness Economy ของไทยในปี 2567 เชื่อว่ามีมูลค่ามากถึง 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นรายได้ของ GDP กว่า 1% ของไทย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นฮับด้าน Wellness Tourism รวมถึงไทยเป็นจุดหมายในอันดับต้นๆ ของโลกในการมาท่องเที่ยว พักผ่อนเพื่อสุขภาพ แต่เมื่อทุกประเทศในโลกต่างประสบปัญหาเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากสงครามการการค้าจากสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงอัตราเด็กเกิดใหม่ลดลง นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปเกือบครึ่ง ทำให้ในปี 2568 ตัวเลขเม็ดเงินอาจจะไม่ได้เติบโตตาม แต่เทรนด์ของการดูแลรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะการใช้สเต็มเซลล์ ของเราถือว่าเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักในทุกปี

จิรัญญา ฉายภาพเพิ่มเติมในธุรกิจสเต็มเซลล์ในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากปัจจุบันในไทยมีผู้บริการประมาณ 5 ราย ซึ่งในแต่ละรายต่างชูเรื่องของเทคโนโลยีในการจัดเก็บ มาตราฐานในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องของการผลิต การเพาะเลี้ยง รวมไปถึงค่าใช้จ่าย ที่แตกต่างกันค่อนข้างเด่นชัด

“ไครโอวิวาเราเปิดให้บริการมามากกว่า 17 ปี เป็นผู้ให้บริการธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์ที่มีเครือข่ายในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสิงคโปร์ เวียดนาม อินเดีย และไทย นอกจากเราจะเป็นธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์แล้ว เรายังสามารถเพาะผลิตสเต็มเซลล์เพื่อในอนาคตภายในภาคหน้าไว้ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาแต่ละบุคคล ซึ่งเราให้ความสำคัญ และแข่งขันกับตัวเองในการพัฒนาการให้บริการ มากกว่าการที่จะเน้นเรื่องราคา ตอนนี้เราไม่ใช่ผู้ให้บริการที่ราคาถูกที่สุด เราจะเน้นเรื่องของคุณภาพ เทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจากองค์กร หรือสถาบันชั้นนำของโลก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค”

ล่าสุด ไครโอวิวา เดินหน้ายกระดับการให้บริการสู่สากล ด้วยการเป็นธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์แห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ได้รับมาตรฐาน AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) หรือ สมาคมเพื่อความก้าวหน้าด้านเลือดและชีวรักษาประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ การจัดเก็บสเต็มเซลล์ การเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ และการรับรองว่าเป็นแหล่งผลิตเซลล์ตั้งต้นที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ATMP หรือผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง และภายในอีก 2 ปีหลังจากนี้จะพัฒนาและสร้างมาตรฐาน GMP-PIC/s ซึ่งเป็นมาตฐานการผลิตยาและเวชภัณฑ์ระดับสากลที่เข้มงวดที่สุด ภายในห้องปฎิบัติการณ์ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตยาแผนปัจจุบัน (แบบ ผ.ย.2) จากองค์การอาหารและยา ให้เป็นสถานที่ผลิตยาที่มีมาตรฐานในการผลิต MSCs เพื่อการวิจัยทางคลินิก

รายเดียวให้บริการครอบคลุมอาเซียน

นอกจากนี้ ไครโอวิวา ยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ใน 3 โครงการ ได้แก่ Cord blood Banking การจัดเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ, Testing Service (กลุ่ม Mesenchymal Stem Cell) และล่าสุด ลงทุนในโรงงานผลิต ATMPs (Advance Therapy Medicinal Product) ซึ่งอยู่ในกลุ่มการผลิตยาขั้นสูง เพื่อรองรับการให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์ หลังจากความต้องการไม่เพียงพอ โดยปัจจุบัน ไครโอวิวา ประเทศไทย มีผู้ฝากจัดเก็บสเต็มเซลล์ไว้ประมาณ 30,000 ราย แบ่งเป็นลูกค้าในไทย 85% และต่างชาติ 15% โดยในเร็วๆ นี้ จะขยายธุรกิจไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อตั้งห้องปฎิบัติการ จากปัจจุบันเป็นการเก็บสเต็มเซลล์มาไว้ที่ประเทศไทย

มองเทรนด์สเต็มเซลล์โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทางเลือกให้กับผู้ป่วย

จิรัญญา มองเรื่องของการนำสเต็มเซลล์ไปใช้งานในการรักษามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องของสิทธิบัตรของยาหลายๆ ตัวกำลังจะหมดอายุลง การนำสเต็มเซลล์ก็จะเริ่มเข้ามาช่วยในการรักษาโรคร้ายมากขึ้น โดยมีผลการวิจัยหลายองค์กร หรือสถาบันว่าการใช้ยา และยาจากสเต็มเซลล์ให้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างกัน แล้วมีการพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าสเต็มเซลล์ช่วยได้ ปัจจัยเรื่องคุณภาพ โดยเฉพาะเทคโนโลยีในการจัดเก็บ หรือเพาะเนื้อเยื่อ เราถือว่าเราทำได้ดีที่สุดในขณะนี้

ส่วนสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ จิรัญญา ยอมรับว่าได้รับผลกระทบถ้วนหน้า แต่เชื่อว่าการเก็บสเต็มเซลล์ในตอนนี้จะเป็นผลดีมากกว่าในระยะยาวในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมองไปถึงตลาดผู้สูงวัย ซึ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีจำนวนผู้สูงอายุที่มากกว่า 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราสามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้จากผู้ใหญ่ได้แล้ว สิ่งที่ท้าท้ายคือเรา คือจะมุ่งเน้นการให้บริการ เทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงมาตราฐานระดับโลก และขึ้นเป็นธนาคารสเต็มเซลล์ในไทยอันดับหนึ่งต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ฉายภาพธุรกิจธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์ “ไครโอวิวา” กับการรักษาโรคต่างๆ ของมนุษย์

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา