Meta ปรับโครงสร้างใหม่ บีบทีมให้เล็กลง ผ่านระบบประเมินผลกลางปี

ใครบอกว่าการไล่พนักงานออกจากบริษัท ต้องเลย์ออฟ หรือบีบให้เขาออกเองละ เราก็แค่ยืมมือ ‘การประเมินพนักงาน’ ประจำปีเอาสิ ทำให้มันโหดขึ้น ก็แค่นั้น

Meta กำลังปรับกระบวนการประเมินผลพนักงานอีกครั้ง และคราวนี้มีเดิมพันสูงขึ้นกว่าเดิม ตามเอกสารภายในที่หลุดออกมา ผู้จัดการจะต้องเพิ่มจำนวนพนักงานให้อยู่ในหมวด ‘ต่ำกว่าที่คาดหวัง’ ในการประเมินผลกลางปี หลังมีการปรับอัตราการประเมินที่สูงขึ้น

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ที่ต้องการลดจำนวน ‘พนักงานมีผลงานต่ำ’ ให้เร็วขึ้น สะท้อนแนวโน้มการปรับโครงสร้างบุคลากรในกลุ่มบิ๊กเทคที่กว้างขึ้น

Meta กำลังเปลี่ยนอะไรบ้าง?

สำหรับทีมที่มีสมาชิก 150 คนขึ้นไป ผู้จัดการต้องจัดให้ 15-20% ของพนักงานอยู่ในกลุ่มที่มีผลงานต่ำ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่แค่ 12-15%

นอกจากนี้ พนักงานที่เคยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่บริษัทมองว่า ‘ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงาน’ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ลาออกเอง หรือถูกให้ออกเพราะทำงานไม่ถึงมาตรฐาน ก็ถูกนับรวมในรอบประเมินนี้ด้วย

โดย Meta ให้ผู้จัดการพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง เมื่อจัดอันดับพนักงาน เช่น:

  • ถูกจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่ม ‘ต่ำกว่าที่คาดหวัง’ ในการประเมินผลกลางปี  
  • มีประวัติถูกลงโทษทางวินัยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา  
  • เคยเข้าขั้นตอน ‘แผนปรับปรุงผลงาน’ หรือ employee relations case

Meta มองว่านี่เป็นโอกาสที่จะปล่อยพนักงานออกจากบริษัท ซึ่งช่วยลดขนาดทีมลง หลังจากที่เคยจ้างคนเยอะเกินไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Meta ทำแบบนี้

ในปี 2022 Meta เคยเพิ่มสัดส่วนพนักงานในหมวด ‘ผลงานต่ำ’ มากขึ้นเป็นสองเท่า จาก 7-12% เป็น 16.5% ในการประเมินประจำปี และแนวทางล่าสุดนี้ ก็ยังคงสอดคล้องกับแนวคิดเดิมที่ต้องการคัดกรองพนักงานให้เหลือเฉพาะผู้ที่มีผลงานโดดเด่น 

ส่วนกระบวนการประเมินผลของ Meta ในครั้งนี้ จะเริ่ม 16 มิถุนายน และการพูดคุยระหว่างผู้จัดการกับพนักงานจะมีขึ้นระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม แม้ Meta จะไม่ได้ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากในครั้งเดียว แต่นี่ก็ชัดเจนว่า บริษัทกำลังปรับโครงสร้างโดยใช้เกณฑ์ด้านผลงานเป็นหลัก

วงการเทค ปลดแล้ว ปลดอยู่ ปลดต่อ

อุตสาหกรรมเทคที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านการจ้างงานมหาศาล ตอนนี้กำลังหันมาให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างตามผลงาน ขณะที่บริษัทต่างๆ กำลังเข้าสู่ยุคของ AI และการลดต้นทุน  

Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ใช้แนวทางนี้ บริษัทเทคโนโลยีกำลังปรับลดจำนวนพนักงานเช่นกัน:  

  • Microsoft เพิ่งประกาศปลดพนักงาน 6,000 คน เพื่อลดจำนวนผู้บริหารระดับกลาง และเพิ่มสัดส่วนโปรแกรมเมอร์ต่อผู้จัดการ  
  • Match Group บริษัทแม่ของ Tinder ประกาศเลิกจ้างพนักงานประมาณ 325 คน เพื่อปรับกระบวนการทำงาน ลดระดับการจัดการ และรวมฟังก์ชันหลักของธุรกิจ
  • CrowdStrike ปลดพนักงานประมาณ 500 ตำแหน่งทั่วโลก เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางธุรกิจ

แนวทางที่เข้มงวดขึ้น อาจกระทบทั้งอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความไม่มั่นคงด้านอาชีพมากขึ้น เพราะการปลดพนักงานอาจกลายเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ รวมทั้งทำให้ตลาดแรงงานแข่งขันสูงขึ้น เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจำนวนมากกลับเข้าสู่ตลาดงาน

อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้?

สำหรับพนักงาน Meta นี่อาจหมายถึง ‘ความเครียด’ และ ‘ความไม่มั่นคง’ ที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีคนจำนวนมากขึ้นถูกจัดให้อยู่ในหมวด ‘ต่ำกว่าที่คาดหวัง’ อาจทำให้เกิดความกังวลว่า ตำแหน่งงานจะไม่มั่นคง ผู้คนอาจเริ่มระมัดระวังในการทำงาน เลือกเล่นแบบปลอดภัยมากขึ้น แทนที่จะลองคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ

ถึง Meta จะมองว่า นี่เป็นวิธีกลั่นกรองบุคลากรให้มีศักยภาพสูงสุด แต่มันอาจนำไปสู่การ ‘เสียคนเก่ง’ ไปโดยไม่ตั้งใจ

ที่มา: Business Insider, Blognone [1] [2] [3]

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา