ต้องยอมรับว่าธุรกิจสื่อ โดยเฉพาะสิ่งพิมพ์นั้นอยู่ยากจริงๆ เพราะผู้อ่านแทบจะ Go Digital กันหมดแล้ว แต่นั้นไม่ใช่สำหรับ Monocle สื่อ Lifestyle ที่มีรายได้จากการทำนิตยสารรายเดือนเป็นหลัก แถมยังโตสวนทางตลาดตอนนี้
เริ่มจากความฝัน สู่การทำให้เป็นจริง
กว่าจะยืนหยัดมาถึงจุดนี้ได้ Tyler Brûlé (ไทเลอร์ บรูเล่) บรรณาธิการใหญ่, ประธานบริษัท และเจ้าของ Monocle มีความฝันที่ไกลมาก และความไกลนี้เอง ทำให้ตัวเนื้อหามันแตกต่างจากสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน จนสามารถตีพิมพ์ต่อเนื่องมาได้ 10 ปีเต็ม พร้อมกับขยายตลาดไปยังสื่อใหม่ๆ ด้วย
โดยประวัติของ Tyler นั้นเป็นชาวแคนาดาโดยกำเนิด เริ่มงานสื่อจริงจังกับ BBC ในช่วงที่ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ แต่หลังจากนั้นเขาก็รับงานสื่อมาหลายสำนัก จนกระทั่งถูกส่งไปทำข่าวสงครามในประเทศอัฟกานิสถาน และดันถูกยิ่งเข้าที่แขนซ้าย จนต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นเขามีโอกาสได้อ่านนิตยสารแนว Lifestyle หลายเล่ม
และกลายเป็นจุดกำเนิดความคิดในการเดินสายนิตยสารแนวนี้ โดยเริ่มต้นที่ Wallpaper ที่ได้รางวัลมามากมาย ก่อนที่จะโดดมาตั้ง Monocle ในปี 2550 พร้อมวางตำแหน่งของนิตยสารรายเดือนฉบับนี้ให้มีความ Premium พร้อมแฝงข้อมูลข่าวสารจากทุกมุมโลก ที่ไม่ได้มีแค่ Lifestyle แต่รวมถึงเศรษฐกิจ, การเมือง และวัฒนธรรม
ครองใจผู้อ่าน Luxury และคนรุ่นใหม่
ความ Premium นี้เอง (ไทยขายเล่มละเกือบ 600 บาท) ทำให้มีผู้อ่านที่อยู่ในกลุ่ม Luxury และคนรุ่นใหม่ที่มองโลกกว้างกว่าแค่ในประเทศตัวเอง ขวนขวายหาซื้อมาอ่านให้ได้ เพราะตีพิมพ์แค่ 80,000 กว่าฉบับ และตอนนี้ก็มีผู้สมัครสมาชิกรายปีแล้วราว 18,000 คนทั่วโลก และที่ถึงจุดนี้ได้ เพราะเข้าใจว่าคนที่อ่านหนังสือแบบเล่มเป็นอย่างไร
และจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ Monocle ขยายกิจการออกไปโดยมีทั้งหนังสือนำเที่ยว ผ่านความเชี่ยวชาญด้าน Lifstyle, Cafe ที่ตั้งอยู่ในเมืองระดับต้นๆ ของโลก และขายสินค้าที่ระลึกของแบรนด์เอง รวมถึงเว็บไซต์ Monocle24 ที่มีรายการวิทยุ 24 ชม. และมีเนื้อหาจากตัวนิตยสารรายเดือนบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ขณะเดียวกันการเจาะตลาดกลุ่มผู้อ่าน Luxury ได้ ก็ทำให้มีรายได้จากการโฆษณาที่แบรนด์ดังๆ เข้ามาซื้อ เช่น Rolex, Burberry และอื่นๆ รวมถึงฝั่งการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ก็ใช้เงินสนับสนุนมาซื้อโฆษณาเช่นกัน ทำให้รายได้จากโฆษณาสิ่งพิมพ์แทบจะเลี้ยงบริษัทได้ทั้งหมด และมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
จับมือ “แสนสิริ” ร่วมพัฒนาโครงการ
เมื่อมีความ Luxury และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ “แสนสิริ” ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ในไทย ก็ปิ๊งไอเดียในการดึงกลุ่ม Monocle เข้ามาร่วมทำธุรกิจ โดยเริ่มตั้งแต่ 4 ปีก่อนที่เชิญมาตั้ง Pop-up Store แห่งแรกของโลกที่ไทย และเมื่อแนวคิดธุรกิจไปในทางเดียวกัน จึงตัดสินใจลงทุนกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท)
โดยกลุ่มแสนสิริจะเข้าไปถือหุ้นใน Monocle ทั้งหมด 12.5% จากมูลค่าธุรกิจ รวมถึงเชิญให้ Monocle เข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาโครงการระดับ Luxury ในกรุงเทพ ซึ่งจะได้เห็นชัดๆ ในช่วงต้นปี 2561 เพราะทางนั้นมีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับความชื่นชอบของกลุ่ม Luxury นั้นคืออะไร นอกจากแค่ลงโฆษณาในนิตยสาร
สำหรับ Monocle ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 110 คน กระจายอยู่ตามสาขาทั่วโลก เช่นลอนดอน, โตเกียว, นิวยอร์ค, ฮ่องกง และสิงคโปร์ ที่สำคัญ Monocle ไม่ได้มองตัวเองเป็นนิตยสารจากสหราชอาณาจักร เพราะเป็นนิตยสารที่สร้างขึ้นมาเพื่อทุกคนบนโลก โดยมีผู้อ่านส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา
อ้างอิง // Monocle, Financial Times, The Drum, Journalism
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา