ในขณะที่ผู้เล่น Pokemon Go พยายามไล่จับโปเกมอน The Pokemon Company International กำลังพยายามไล่จับนักการเมืองในวอชิงตัน ดีซี
เกม Pokemon Go กำลังเป็นปรากฏการณ์ในระดับโลก โดยนับตั้งแต่เกมเปิดตัวเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีผู้เล่นเกมนี้ถึง 21 ล้านคน[1] แน่นอนว่าเกมที่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม เช่น Pokemon Go ย่อมมีผลกระทบกับประเด็นสาธารณะต่างๆ ตั้งแต่การที่ผู้เล่นพยายามจับโปเกมอนแล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ มีผู้เล่นเกมที่เดินจับโปเกมอนในยามวิกาลในที่อันตราย ไปจนถึงมีผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่ใช้เกมนี้ในการก่ออาชญากรรม ในวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมากลุ่ม ส.ส. เดโมแครต จากคณะกรรมการพลังงานและการค้าได้ส่งจดหมายไปถึงบริษัท Niantic ผู้พัฒนา Pokemon Go ว่าเกมนี้สนับสนุนให้ผู้เล่นต้องออกไปนอกบ้านซึ่งไม่มี wifi แล้วใช้ mobile data ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นต้องจ่ายค่าโทรศัพท์ในราคาแพง[2] และ อัล แฟรงเคน ส.ว. เดโมแครต จากรัฐมินเนโซตา ยังได้ส่งจดหมายไปถึงบริษัท Niantic ถามถึงประเด็นว่าเกม Pokemon GO อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นมากจนเกินไป เช่น ระบบแผนที่ในเกมอาจทำให้เกมเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นในเรื่องสถานที่ และยังมีประเด็นว่าการให้ผู้เล่นสมัครเข้าเกมผ่าน Gmail นั้นตัวเกมเข้าถึงข้อมูลในบัญชี Gmail ของผู้เล่นมากน้อยแค่ไหน[3]
ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม บริษัท The Pokemon Company International ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวละครใน Pokemon Go ได้จ้างบริษัทล๊อบบี้ Greenberg Taurig โดยในเอกสารเปิดเผยข้อมูลระบุว่าล๊อบบี้ยิสต์จะมีหน้าที่พูดคุยและติดตามการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา[4]
กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตนั้นใช้เงินในการล๊อบบี้เพิ่มขึ้นจาก 18 ล้านเหรียญในปี 2010 เป็น 56 ล้านเหรียญในปี 2015 สาเหตุที่บริษัทไฮเทคต่างๆ เช่น The Pokemon Company International ต้องเข้ามาเล่นการเมืองก็เพราะโดยเนื้อหาของนวัตกรรมเหล่านี้เอง ตั้งแต่ Pokemon Go, Uber หรือ Airbnb ต่างก็เป็นนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงกับสังคมและทำให้สังคมต้องตั้งคำถามใหม่ๆ และบริหารจัดการกับปัญหาที่ยังไม่มีใครเข้าใจ ซึ่งนักการเมืองส่วนมากก็เป็นคนอายุมากที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ในปัจจุบันวาระทางการเมืองของกลุ่มบริษัทไฮเทคจึงเป็นการพยายามสื่อสารกับนักการเมืองเพื่อให้นักการเมืองเข้าใจเทคโนโลยีและไม่ให้นักการเมืองออกนโยบายที่สร้างปัญหาให้กับกลุ่มบริษัทไฮเทค[5]
นอกจากนี้ในโลกของความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและการเมืองการป้องกัน (Defense) ที่ดีที่สุดว่ารัฐบาลจะไม่ออกนโยบายให้ธุรกิจของเราเสียหายหรือธุรกิจคู่แข่งหรืออุตสาหกรรมคู่แข่งของเราจะไม่ล๊อบบี้รัฐบาลให้ออกนโยบายให้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมของเราเสียเปรียบคือการเป็นฝ่ายรุก (Offense) และสร้างช่องทางสื่อสารกับฝ่ายรัฐก่อน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับภาครัฐเป็นแง่มุมทางธุรกิจที่มีส่วนสำคัญอย่างมากกับผลประกอบการและความสำเร็จทางธุรกิจที่หลายคนมองข้ามหรือมองในแง่ลบ เคยมีการวิจัยถึง Return on Investment (ROI) ของการจ้างล๊อบบี้ยิสต์ในทางภาษี พบว่าการจ้างล๊อบบี้ยิสต์ด้านภาษีมี ROI สูงถึง 22,000%[7] ถึงแม้ว่าการจ้างล๊อบบี้ยิสต์ในด้านอื่นๆจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนอย่างมากที่เป็นรูปธรรมเทียบเท่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับการเมืองที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ ผู้คนในสังคมอาจจะมีทัศนคติต่อการล๊อบบี้ว่าเป็นการใช้เงินสกปรกซื้อนักการเมือง แต่ในการเมืองสหรัฐฯ การล๊อบบี้เป็นเรื่องของเทคนิคการสื่อสารและการมีผลประโยชน์ร่วมกับหลากหลายกลุ่มผลประโยชน์ในสังคมเพื่อมาจับพันธมิตรกันมากกว่า โดยการใช้เงินมากไม่ได้หมายความว่าจะชนะในการล๊อบบี้รัฐบาล[8]
ข้อมูลอ้างอิง
[1] http://www.theatlantic.com/education/archive/2016/08/play-in-the-augmented-reality-age/494597/
[2] http://thehill.com/policy/technology/288571-lawmakers-question-pokemon-gos-impact-on-data-usage
[3] http://thehill.com/policy/technology/287429-sen-franken-questions-pokemon-gos-privacy-practices
[4] http://www.thehill.com/business-a-lobbying/lobbying-hires/290551-the-poke-lobby-comes-to-washington
[5] http://www.nytimes.com/2015/11/23/technology/start-up-leaders-embrace-lobbying-as-part-of-the-job.html?_r=0
[6] http://www.opensecrets.org/lobby/indusclient.php?id=B13&year=2015
[7] http://www.npr.org/sections/money/2012/01/06/144737864/forget-stocks-or-bonds-invest-in-a-lobbyist
[8] http://www.fractionofdot.com/?p=151
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา