หัวเว่ย เสนอการพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสงสู่ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Optical Network: AI ON) มุ่งให้บริการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพระดับ 5A สร้างพื้นฐานมั่นคงสำหรับการเติบโตและขยายตัวของเทคโนโลยี AI ในอนาคต ในงาน MWC Barcelona 2025
Bob Chen ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคอลของหัวเว่ย บอกว่า ยุค AI ถูกกำหนดด้วยลักษณะ 3 ประการ ได้แก่ การประยุกต์ใช้ AI ที่แพร่หลาย พลังการคำนวณ AI ที่เข้าถึงได้ทุกที่ และการมี AI เป็นองค์ประกอบหลักในทุกมิติ (AI-Native) แนวโน้มเหล่านี้ทำให้เครือข่ายต้องมีความสามารถในการตรวจจับประเภทบริการ จัดสรรการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน และมั่นใจในประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพสูงสุด
นอกจากนี้ เครือข่ายต้องให้การเชื่อมต่อที่แน่นอน สนับสนุนการจัดสรรพลังการคำนวณที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการนำความสามารถของ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพด้านคุณภาพของบริการและประสิทธิผลของเครือข่าย
Bob Chen เน้นย้ำว่า ตั้งแต่เปิดตัวแนวทางพัฒนาเครือข่ายสำหรับยุค AI ในปี 2567 หัวเว่ยได้ร่วมมือกับลูกค้าทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสงรุ่นถัดไป ซึ่งเรียกว่า AI ON มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และมีคุณสมบัติเด่นดังต่อไปนี้
- การรับรู้: ในอดีต เครือข่ายใยแก้วนำแสงไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับรู้ประเภทของบริการ แต่ในอนาคต เครือข่ายจะต้องสามารถระบุประเภทบริการได้อย่างแม่นยำ จากรูปแบบการจราจรและทิศทางการไหลของข้อมูล จะช่วยให้เครือข่ายใยแก้วนำแสงสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านแบนด์วิดท์ (bandwidth) ความหน่วง (latency) และความน่าเชื่อถือ (reliability) ได้อย่างเหมาะสม เครือข่ายสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- พร้อมใช้งานตามความต้องการ: แตกต่างจากอดีตที่เครือข่ายใยแก้วนำแสงให้บริการเชื่อมต่อแบบไม่มีการแยกแยะ เครือข่ายใยแก้วนำแสงในอนาคตจะต้องสามารถจัดการให้บริการเชื่อมต่อที่แตกต่างและตอบสนองความต้องการบริการในเวลาจริง เช่น ผู้เล่นเกมได้รับแพ็กเกจแบนด์วิดท์ 1 Gbps ตลอด 3 ชั่วโมง เป็นบริการตรงตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ
- การรับประกันคุณภาพ: ในอดีต ปัจจัยต่างๆ เช่น ความหนาแน่นของเครือข่าย ความผิดปกติ หรือการขยายตัวของบริการ อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการเชื่อมต่อ อย่างไรก็ตามในอนาคต เครือข่ายใยแก้วนำแสงต้องสามารถรับประกันการเชื่อมต่อคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายหรือการผันผวนของบริการ รักษาความหน่วงที่คาดการณ์ได้และไม่มีการสูญหายของแพ็กเกจข้อมูลสำหรับทุกบริการ
- การจัดการและบำรุงรักษาเครือข่ายอัตโนมัติ: ในอดีต การบำรุงรักษาเครือข่ายใยแก้วนำแสงดำเนินการเชิงตอบสนองหลังจากเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต เครือข่ายใยแก้วนำแสงจะต้องมีความสามารถในการตรวจจับและจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงและฟื้นฟูระบบอัตโนมัติ (Self-Healing) และเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย
- AI Native: ความสามารถในการประมวลผล AI เต็มรูปแบบต้องถูกฝังในอุปกรณ์เครือข่าย อุปกรณ์ปลายทาง และระบบการจัดการทั้งหมด เพื่อเร่งการพัฒนาเครือข่ายอย่างชาญฉลาด เช่น การใช้พลังการคำนวณ AI มาใช้ใน ONT/FTTR เพื่อระบุประเภทแอปพลิเคชันและเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ผ่านโมเดลขนาดเล็กที่ทำงานบนอุปกรณ์ปลายทาง
AI เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมมนุษย์ มอบโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรม ICT เช่นเดียวกับ 5A ที่เป็นมาตรฐานคุณภาพบริการสูงสุดในอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว การเชื่อมต่อระดับพรีเมียมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่โอกาสเหล่านี้ หัวเว่ยร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสง สู่ AI ON ให้บริการการเชื่อมต่อระดับ 5A และขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ในยุคของ AI
ในปี 2568 การเปิดใช้งาน 5G-Advanced เชิงพาณิชย์ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และ AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยผู้ให้บริการสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หัวเว่ยกำลังร่วมมือกับผู้ให้บริการและพันธมิตรทั่วโลกเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกแห่งความอัจฉริยะ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา