ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้นั้นเมื่อนับสัดส่วนของนักลงทุนแล้วนั้น นักลงทุนรายย่อยนั้นยังมากกว่านักลงทุนสถาบันซึ่งในขณะนี้หลายๆ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายๆ ที่เริ่มที่จะสนใจในตลาดหุ้นของจีนมากขึ้นเพื่อทำผลงานให้ดีกว่าเดิม ในขณะที่ผลตอบแทนตามตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ผลตอบแทนเริ่มที่จะแคบเข้าไป
ลองนึกภาพถึงห้องค้าหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ที่เซี่ยงไฮ้ ในชั้นแรกเราจะเห็นลุงๆ ป้าๆ นั้นมองจอคอมพิวเตอร์เพื่อซื้อขายหุ้น ส่วนชั้นบนเราจะเห็นห้อง VIP โดยลุงๆ ป้าๆ ที่มีเงินหนาหน่อย บางส่วนก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ บางส่วนก็กำลังนั่งเล่นไพ่ บางส่วนก็จับกลุ่มคุยกันพร้อมกับกินติ่มซำไปด้วย
เพราะเหตุอะไรที่นักลงทุนรายย่อยของจีนชอบเทรดหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์ของจีนไม่ว่าจะเป็นที่เซี่ยงไฮ้หรือแม้แต่เซิ่นเจิ้นบรรดานักลงทุนรายย่อยนั้นครอบครองมูลค่าซื้อขายสูงถึง 80% ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดขึ้นมา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงปัจจุบันก็ตาม ทำไมนักลงทุนรายย่อยถึงครอบครองมูลค่าการซื้อขายได้สูงขนาดนี้
ทาง Bloomberg ได้ไปสัมภาษณ์กับ Miao Zhuli หัวหน้าสาขา Quyang ของบริษัทหลักทรัพย์ Zhongtai ว่า “คนที่มาเทรดส่วนใหญ่อายุมาก เกิน 60 ปีขึ้นไปทั้งนั้น มองว่าห้องค้าหุ้นเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง เหมือนเป็นการพบปะพูดคุยกันมากกว่า” ในขณะที่ตลาดอื่นๆ นั้นมูลค่าการซื้อขายของสถาบันนั้นสูงมากๆ อย่างเช่นของไทยเองบางช่วงเวลาสูงถึง 2 ใน 3 ของมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันเลยทีเดียว หรือของสหรัฐอเมริกา ณ ปัจจุบันก็สูงเกิน 60%
ลุงๆ ป้าๆ ยังชอบที่จะไปสาขาต่างๆ ของบริษัทหลักทรัพย์
ปัจจุบันถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปมาก ระบบซื้อขายหลักทรัพย์อันทันสมัย หรือแม้แต่การมี Application ไว้ใช้งานระบบซื้อขายหลักทรัพย์ แต่ลุงๆ ป้าๆ ที่เป็นนักลงทุนรายย่อยก็ยังยอมที่จะเสียค่าคอมมิชชั่นที่แพงกว่า บางแห่งแพงถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเตอร์เน็ต เหตุผลเป็นเพราะว่าได้พบปะ พูดคุยกัน การซื้อขายหุ้นนั้นเหมือนเป็นแค่เรื่องรองลงไปเพราะสภาพสังคมทำให้หนุ่มสาวเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ หรือไม่ก็ไม่มีเวลาอยู่ดูแลครอบครัวมากเหมือนในอดีต ทำให้ผู้ใหญ่นั้นขาดการดูแลเอาใจใส่ จะเห็นได้จากสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ทั่วประเทศจีนนั้นมีมากกว่า 10,000 สาขา
แม้กระทั่งในทิเบตยังมีบริษัทหลักทรัพย์ตามขึ้นไปเปิดถึง 17 สาขา โดยแต่ละสาขานั้นส่วนใหญ่จะมีชาและขนมขบเคี้ยวให้บริการฟรี โดยคุณป้า Qiu Jiewen นั่งรถบัสมาที่สาขาของบริษัทหลักทรัพย์ Zhongtai ทุกวัน โดยคุณป้ากล่าวว่า “ชอบบรรยากาศของที่นี่ และสาขาก็มีบริการที่ดี เมื่อซื้อขายหลักทรัพย์แล้วได้เงิน ก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีๆ” โดยคุณป้าไม่ได้สนใจเรื่องงบการเงิน สัดส่วนทางการเงินเท่าไหร่นัก ส่วนมากมักจะตามเพื่อนๆ ของคุณป้า หรือไม่ก็มาร์เก็ตติ้งมากกว่า
ข้อมูลในมือของรายย่อยนั้นน้อยเกินไป
Victoria Mio ซึ่งเป็น CIO ของทาง Robeco Groep NV. สาขาฮ่องกง ได้กล่าวว่า “นักลงทุนรายย่อยของจีนขาดบทวิเคราะห์พื้นฐานและส่วนมากก็ซื้อขายตามอารมณ์ของตัวเอง หุ้นแต่ละตัวนั้นมีโอกาสที่จะมีผู้เล่นเข้าไปซื้อขายมากมาย แต่ต่อมาก็ไม่มีใครสนใจได้ไวมากๆ” ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้นั้นค่อนข้างมีความผันผวนสูง ทำให้หุ้นตกหนักๆ ในปี 2015-2016 มาแล้ว และรวมไปถึงทำให้ราคาของหลักทรัพย์ในแต่ละตัวนั้นผันผวนมาก
โอกาสของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ (อีกครั้ง)
Gao Ting หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์ของ UBS ได้กล่าวว่า “เป็นการยากมากๆ ที่จะเอาชนะดัชนีโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว” โดยเฉพาะตลาดพัฒนาใหญ่ๆ แล้ว นักลงทุนสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นกองทุน Hedge Fund บริษัทประกันภัย นั้นครอบครองมูลค่าการซื้อขายของตลาดเหล่านี้ทั้งนั้น ยิ่งมีข่าวที่ทำให้หุ้นแต่ละตัวขึ้นนั้นราคาเคลื่อนไหวของหุ้นตัวนั้นจะตอบสนองได้เร็วมากๆ ฉะนั้นการที่จะชนะตลาดที่พัฒนาเหล่านี้ได้เป็นเรื่องยากมาก ซึ่งแตกต่างกับตลาดหลักทรัพย์ของจีนที่มีรายย่อยเยอะ มีความผิดพลาดมากมายของรายย่อย จะทำให้กองทุนทำผลงานได้ดีมากๆ ถึงแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ของจีนจะเคยพุ่งแรงและตกแรงมาแล้วในปี 2015 ก็ตาม
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา