บลูบิค ไททันส์ หน่วยธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในเครือ บมจ. บลูบิค กรุ๊ป มอง พ.ร.ก. ไซเบอร์ ฉบับใหม่ กระตุ้นการลงทุนด้านไอทีของธนาคาร และผู้ให้บริการโทรคมนาคม เหตุหากหละหลวมอาจเจอปัญหาหนักในอนาคต หวังสร้างโอกาสให้หน่วยธุรกิจนี้เติบโตในอนาคต
พ.ร.ก. ไซเบอร์ กระตุ้นการลงทุนไอที
พลสุธี ธเนศนิรัตศัย ผู้อำนวยการ บริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปช่วยตรวจสอบ และวิเคราะห์ความปลอดภัยไซเบอร์ลูกค้าธนาคาร แต่หากมีการประกาศพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก. ไซเบอร์ ฉบับใหม่ จะมีการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเรื่องนี้
“แม้โดยเฉลี่ยงบการลงทุนด้านไอทีอาจอยู่แค่ 5-7% ของงบประมาณทั้งหมดของแต่ละบริษัท แต่เงินก้อนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ราว 20% ซึ่งกลุ่มธนาคาร และผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก. ไซเบอร์ ฉบับใหม่จะเป็นกลุ่มสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้น”
เหตุผลที่ธนาคาร และผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะมีการลงทุนมากขึ้น เพราะทั้งสองหน่วยงานอาจได้รับโทษหากมีการปล่อยให้เกิดการหลอกลวงทางไซเบอร์ เช่น การส่ง SMS หลอกลวง หรือการปล่อยให้เกิดการโอนเงินโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น
สบช่องเข้าให้บริการที่ปรึกษา
การต้องเกิดการลงทุนใหม่อย่างมีนัยสำคัญ บลูบิค ไททันส์ จึงมีโอกาสทางธุรกิจที่เข้าไปช่วยเรื่องการวิเคราะห์ฐานข้อมูลของลูกค้าสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงถึงการมีอยู่ของบัญชีม้าสีต่าง ๆ รวมถึงบัญชีม้าที่เกิดขึ้นในรูปแบบนิติบุคคลเช่นกัน
“บลูบิค ไททันส์ ไม่ได้มีสิทธิ์เข้าไปรับรู้ข้อมูลฐานลูกค้าของธนาคาร เป็นเพียงผู้วิเคราะห์เพื่อหาจุดเชื่อมโยงไปถึงบัญชีม้า ควบคู่กับการทำงานของ บมจ. บลูบิค กรุ๊ป ที่จะเข้าไปช่วยให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมาย ผ่านการอาศัยความเชี่ยวชาญในเรื่องไอที และความปลอดภัยไซเบอร์”
ปัจจุบัน บลูบิค ไททันส์ ดำเนินธุรกิจผ่าน 4 บริการหลักคือ การวางกลยุทธ์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับองค์กร, การประเมินเกี่ยวกับความพร้อมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์, การเพิ่มความสามารถของระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการลดความเสียหายจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
ย้ำ พ.ร.ก. ไซเบอร์ ต้องร่างออกมาให้ดี
เบื้องต้น พ.ร.ก. ไซเบอร์ ฉบับใหม่จะประกาศออกมาช่วงสิ้นเดือน ก.พ. 2025 ซึ่ง พลสุธี มองว่า ร่างดังกล่าวต้องออกมาให้มีความละเอียด และครอบคลุม เนื่องจากหาก พ.ร.ก. ไซเบอร์ ให้ความสำคัญกับฝั่งผู้บริโภค และอาจเปิดช่องให้ธนาคาร กับผู้บริการโทรคมนาคมถูกไม่ประสงค์ดีใช้เป็นช่องทางโจมตี ก็จะไม่สะท้อนประโยชน์ของการจัดทำ
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ พ.ร.ก. ไซเบอร์ ที่มีลักษณะคล้ายกันในสิงคโปร์ที่มีข้อกำหนดชัดเจน เช่น ฝั่งสถาบันการเงิน หากลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝาก 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ขึ้นไป ถูกพบกิจการที่มีความเสี่ยง เช่น เพิ่มผู้รับเงินใหม่, เพิ่มวงเงินการทำธุรกรรม และเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ใหม่ ต้องแจ้งเตือน และระงับธุรกรรมภายใน 12 ชม. เป็นต้น
ในทางกลับกัน การร่วมรับผิด หากสถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการโทรคมนาคมไม่ทำตามหน้าที่ที่กำหนด สถาบันการเงินจะชดใช้ค่าเสียหายกรณี ละเมิดข้อกำหนด หรือละเลยหน้าที่ ไม่ว่าผู้ให้บริหการโทรคมนาคมจะละเมิดข้อกำหนดหรือไม่ก็ตาม
ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะต้องชดใช้ค่าเสียหายกรณีสถาบันการเงินปฏิบัติตามหน้าที่ แต่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมละเมิดข้อกำหนด รวมถึงการเกิดความเสียหายจาก SMS หลอกลวงกับเลขหมายโทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชี และหากสถาบันการเงิน และผู้ถือบัญชีปฏิบัติตามหน้าที่แล้ว ผู้ถือบัญชีจะต้องรับผิดต่อความเสียหายเอง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา