คนทำศัลยกรรมเด็กลงๆ ทำฐานลูกค้าเสริมความงามโตต่อ ผู้ชาย-Gen Z เป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ สนใจรูปลักษณ์มากขึ้น

สำหรับใครที่อยากสวยอยากหล่อ บางคนอาจเกิดมาแล้วหน้าตาดีตรงตามมาตรฐานเลย แต่บางคนก็อาจยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ ตามร่างกายที่อยากแก้ไข จนต้องไปพึ่งหัตถการเสริมความงานและศัลยกรรม

วิมุต

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในยุคปัจจุบัน โรงพยาบาลวิมุตจึงเปิด ‘ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า’ ด้วยคอนเซปต์ “โครงหน้าสวย ออกแบบได้” และทาง Brand Inside เองก็มีโอกาสได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว เลยอยากมาแชร์อินไซต์เทรนด์วงการศัลยกรรมให้ทุกคนได้อ่านกัน

ศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลก เพศชายและ Gen Z หันมาสนใจการศัลยกรรมมากขึ้น

ภาพจาก Shutterstock

จากข้อมูลภายในงาน โรงพยาบาลวิมุตเผยว่า ‘ศูนย์วิจัยกสิกรไทย’ ได้ประเมินมูลค่า ‘ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงาม’ ของไทยในปี 2566 ไว้อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท และจะขยายตัวราวๆ 2.3 – 3.6%

โดยสิ่งที่น่าสนใจ คือ อายุเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมในไทยนั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฐานลูกค้ากว้างขึ้นและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ 

และนอกจากกลุ่มเป้าหมายหลัก อย่างผู้หญิง Gen Y และ LGBTQIA+ แล้ว ยังพบอีกว่ากลุ่ม Gen Z และผู้ชายก็เริ่มสนใจการทำศัลยกรรมมากขึ้นเช่นกัน

ในส่วนของสถานที่ยอดฮิตในการทำศัลยกรรม ทางโรงพยาบาลเผยว่า ตอนนี้ผู้ทำศัลยกรรมยังคงไว้วางใจ ‘โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทาง’ เป็นอันดับแรก เพราะเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัย เทคโนโลยี และการดูแลที่ดี

นอกจากนี้ ในปี 2019 ทาง World Travel & Tourism Council (WTTC) ได้ระบุว่า ไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มากที่สุดในโลก และ 60% ของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในไทย เข้ามาเยือนประเทศเพราะต้องการใช้บริการด้านความงาม 

โดยจุดแข็งของศัลยกรรมในไทยคือ ค่าบริการที่เข้าถึงง่ายกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งยังได้รับบริการคุณภาพสูงตามมาตรฐานโลก

โรงพยาบาลวิมุตคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการ ‘ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า’ จำนวนมาก 

วิมุต

จากเทรนด์ดังกล่าว โรงพยาบาลวิมุตจึงเปิด ‘ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า’ (Maxillofacial Contouring Center) เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพยุคใหม่ที่ต้องดูแลครบทั้งภายในและเสริมความมั่นใจด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม พร้อมยกระดับชีวิตรอบด้าน

‘ผศ.ดร.นพ.ทพ. ชาญชาย วงศ์ชื่นสุนทร’ ศัลยแพทย์ช่องปากและแมกซิโลเฟเชียล ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร ประจำศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า โรงพยาบาลวิมุต ได้เปรียบเทียบว่าการศัลยกรรมใบหน้านั้นก็เหมือนกับการสร้างบ้าน 

กล่าวคือ หากโครงสร้างบ้านดี ต่อให้จะเติมเฟอร์นิเจอร์อะไรไปก็สวย แต่ถ้าหากโครงสร้างบ้าน หรือโครงหน้านั้นยังไม่ได้สัดส่วน เสริมจมูก เสริมตา เติมเฟอร์นิเจอร์ใดๆ เข้าไปก็ ก็อาจต้องกลับมาแก้ไขใหม่

นพ.ชาญชาย เผยว่า “ตลาดศัลยกรรมปรับโครงหน้าในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มอายุตั้งแต่ 20 – 45 ปี หันมาให้ความสนใจศัลยกรรมตกแต่งกันมากขึ้น ซึ่งทิศทางนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลก” 

ในแง่ของการแข่งขัน นพ.ชาญชาย มองว่า คู่แข่งในตลาดศัลยกรรมปรับโครงหน้ายังมีไม่มาก อาจไม่เกิน 10 รายที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และแม้จำนวนแพทย์ในประเทศไทยจะมีมากกว่า 7 หมื่นคน แต่มีเพียงหลักสิบคนเท่านั้นที่มีความชำนาญด้านนี้

‘สุรวีย์ ชัยธำรงกูล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล วิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ผู้รับบริการจะคำนึงถึงหลากหลายปัจจัยก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมปรับโครงหน้า และหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือมาตรฐานความปลอดภัย ที่นี่ เรามีแพทย์ผู้มีความชำนาญด้วยคุณวุฒิ 2 สาขา ทั้งศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล และการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร เรามั่นใจว่าศูนย์ใหม่จะมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก สอดรับกับดีมานด์ด้านศัลยกรรมปรับโครงกระดูกหน้า ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมีโอกาสเติบโตอย่างยอดเยี่ยม”

โรงพยาบาลวิมุตยังได้มีการนำเทคโนโลยี ‘3D Face Scanner’ มาใช้ในการสร้างภาพจำลองใบหน้าคนไข้หลังได้รับการผ่าตัด พร้อมกับนวัตกรรม ‘3D Printing’ ที่จะพิมพ์โมเดลโครงหน้าปัจจุบันของผู้รับบริการ เพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดและเข้าใจปัญหาตรงกันมากขึ้น

ปัจจุบัน มีคนไข้เข้ามารับคำปรึกษาเรื่องศัลยกรรมปรับโครงหน้าที่โรงพยาบาลวิมุต เฉลี่ยราว หลักร้อยต่อเดือน และมีคนไข้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมปรับโครงหน้าเฉลี่ย 20-30 คนต่อเดือนต่อหมอ 1 คน

จากความนิยมนี้ ทางโรงพยาบาลวิมุตจึงคาดหวังรายได้ของศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้าให้ถึง 20 ล้านบาทในปีนี้ และเล็งเห็นว่าในอีก 2-3 ปี อาจเพิ่มเป็น 30 ล้านบาทได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Vimut

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา