แสนสิริ ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2024 ยอดขายรวมอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ร่วม 20,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทั้งหมด 2,700 ล้านบาท
วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567 แสนสิริมีผลงานยอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางรัฐบาลที่ทำให้ตลาดเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก
- แสนสิริสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท
- ทางด้านรายได้ ครึ่งปีแรกทำได้ร่วม 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ 43,000 บาท โตขึ้น 8% (เทียบ Year on Year)
- กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2567 (ไตรมาส 1 กำไรสุทธิ 1,315 ล้านบาท, ไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท)
- แต่ถ้าพิจารณาด้านกำไรสุทธิจากธุรกิจหลัก (Core Profit) พบว่าเติบโตขึ้น 5% (เทียบ Year on Year)
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2567 ในอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมายXD วันที่ 28 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2567โดยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการที่ดีของแสนสิริในอนาคต
ความสำเร็จในครึ่งปีแรก มาจากการ Sold Out รวม 19 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท ได้แก่ BuGaan (บูก้าน) พระราม 9-เหม่งจ๋าย, เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี, เอ็กซ์ที เอกมัย รวมถึง Business Model ใหม่ กับ Exclusive Residence ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Niche Market ด้วยโครงการขนาดเล็ก ยูนิตน้อย บน Prime Location ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย Sold Out อย่างรวดเร็ว เช่น ELSE (เอลซ์) กรุงเทพกรีฑา และ PYNN (พินน์) เริ่มโครงการแรกที่ PYNN ปรีดี 20 มียอดขายแล้วถึง 80% จ่อคิว Sold out พร้อมส่งต่อความสำเร็จให้โครงการล่าสุด PYNN ศูนย์วิจัย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับโครงการแรก ตลอดจนการเปิดโครงการใหม่ใน Strategic Location ในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ อณาสิริ พายัพ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนกุมภาพันธ์ สร้างยอดขายไปถึง 50% ของโครงการ และเศรษฐสิริ รวมโชค เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคมสามารถปิดการขายเฟสแรกหมด 100% รวมถึง mekin HAUS (เมคิน เฮาส์) แบรนด์ HAUS โครงการแรกในเชียงใหม่และต่างจังหวัด พร้อมไฮไลต์คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
รวมถึงพอร์ตบ้านเดี่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง จากรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และนาราสิริ พหล – วัชรพล ที่มียอดขายที่ดีการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์บ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” ทำให้ต้องเปิดจองเฟสใหม่ 4 ทำเลฮอต ได้แก่ราชพฤกษ์ – รามอินทรา – บางนา – ดอนเมือง ทางด้านคอนโดมิเนียมมีรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมอาทิ เอ็กซ์ที พญาไท และ เดอะ เบส ไฮท์ เชียงใหม่ที่กลุ่มลูกค้าเชียงใหม่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์แสนสิริตลอดมารวมทั้งการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดที่เข้มข้น จากกลยุทธ์การรักษายอดขายที่ดี
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Joint Venture ยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการโอนคอนโดมิเนียมเดอะ ไลน์ ไวบ์ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ในกลุ่มบีทีเอส คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มียอดขายแล้วกว่า 70% สุดยอดทำเลศักยภาพตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรและรักษาระดับการเติบโตที่แข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา
ครึ่งปีหลัง แสนสิริ จะทำอะไร?
“ครึ่งปีหลัง แสนสิริ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ มูลค่ารวม 38,700 ล้านบาท ไฮไลต์แนวราบ เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ คือ “ณริณสิริ” (Narinsiri) แบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ระดับพรีเมียม (ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา และณริณสิริ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา) ราคาเริ่มต้นที่ 40-80 ล้านบาท พร้อมเปิดชมปลายปี ถัดมาคือ “เมเบิล” (Mabel) ทำเลแรกเมเบิล บางนา 26 ใกล้ทางด่วน ส่วนตัวเพียง 105 ยูนิต ราคา 6–8 ล้านบาท ทางด้านคอนโดมิเนียมเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง อย่างแบรนด์ดีคอนโดเจาะทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงาน มีดีมานด์ความต้องการคอนโดมิเนียมสูงและไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัวโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 61 ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Aesthetic Collection ส่วนอีกหนึ่งโครงการใหม่จากซีรีส์ One of a Kind Project โดดเด่นบนทำเลศักยภาพบนสุขุมวิท 36 และที่สำคัญ ในช่วงสิ้นปี แสนสิริเตรียมเปิดโปรเจกต์ใหญ่ ปักธงภูเก็ต ต้อนรับ High Season ในสิ้นปี ในย่านบางเทา-เชิงทะเลซึ่งเปรียบเสมือนย่านทองหล่อในภูเก็ตอีกด้วย จากภาพรวมทั้งหมด รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากกว่าครึ่งปีแรก แสนสิริจะมียูนิตพร้อมขายทั่วประเทศรวมมูลค่า 127,000 ล้านบาท ส่งผลให้การดำเนินงานทั้งในด้านยอดขายและรายได้เติบโตต่อเนื่องและเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายวิชาญ กล่าว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา