ท่ามกลางสภาวะที่ค้าปลีกล่มสลายในหลายวงการ แต่สำหรับสินค้าหรูหราในฮ่องกงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะกลับมาโตวันโตคืน ล่าสุดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทำยอดขายโตสูงสุดในรอบ 2 ปีทีเดียว
ค้าปลีกรายอื่นเริ่มตาย แต่สินค้าหรูหรากลับโต
วงการค้าปลีกในฮ่องกงมีตัวเลขยอดขายปรับสูงขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักมาจากยอดขายสินค้าหรูหราทั้งหลาย ทั้งเครื่องประดับ นาฬิกา อัญมณี และสินค้าหรูหราอื่นๆ
ปรากฏการณ์นี้ทำให้ในเดือนกรกฏาคมทีผ่านมา ยอดขายในตลาดค้าปลีกฮ่องกงโดยรวมพุ่งสูงขึ้นถึง 4% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,600 ล้านเหรียญ (ประมาณ 152,000 ล้านบาท) ถือเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอันที่จริงก็มาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในฮ่องกงด้วย
ถ้านับเฉพาะยอดขายสินค้าหรูหรา เมื่อเทียบกับปีที่แล้วถือว่าดีกว่ามาก เพราะพุ่งสูงกว่าเดิมถึง 12.9% นับเป็นค้าปลีกประเภทเดียวในฮ่องกงที่มียอดการเติบโตแบบ double-digit นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา และอันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ปี 2014 – 2015 ค้าปลีกประเภทสินค้าหรูหราทั้งหลายนี้ เรียกได้ว่าขายไม่ออกเลยทีเดียว เพราะถ้าย้อนไปดูยอดขายในช่วงนั้นจะเห็นได้ว่าลดต่ำลงไปกว่า 40 – 50% ซึ่งปัจจัยก็มาจากการลดต่ำลงของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในฮ่องกงในช่วงนั้น
EMPEROR WATCH AND JEWELLERY ค้าปลีกสินค้าหรูหราในฮ่องกงรายหนึ่งสามารถทำกำไรใน 6 เดือนแรกที่ผ่านมาได้ถึง 39.1 ล้านเหรียญฮ่องกง (166 ล้านบาท) เทียบกับปีที่แล้วจะเห็นความต่างมาก เพราะปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันขาดทุนไปถึง 68.6 ล้านเหรียญฮ่องกง (292 ล้านบาท)
มากกว่านั้น ถ้านำตัวเลขยอดขายของสินค้าหรูหราในปีนี้ ไปเปรียบเทียบกับค้าปลีกประเภทอื่นๆ ก็จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ค้าปลีกแฟชั่นเสื้อผ้า I.T ที่มียอดขายลดลงถึง 5% หรือค้าปลีกอย่าง Aeon ที่บอกเลยว่า “มองไม่เห็นสัญญานฟื้นตัวในความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใดๆ เลย” รวมทั้ง Bonjour แบรนด์ค้าปลีกเครื่องสำอางที่มียอดขายลดไปถึง 9.3% พร้อมทั้งมีแผนที่จะพิจารณาปิดตัวร้านค้าในห้างสรรพสินค้า และมีท่าทีว่าจะไปเปิดในท้องถิ่นเพื่อลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา