“ประเทศที่พัฒนาแล้ว การศึกษาที่ดี จะทำให้คนทำงานตรงสายกับที่เรียนมา และทำงานนั้นอย่างมี Passion”
ไม่ใช่แค่อาชีพหมดหรือวิศวะเท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้
รู้จัก LSP School โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนาที่มุ่งเป้าให้เด็กทุกคนเลือกเรียนได้ตามความชอบและความถนัดของตัวเอง เพื่อพัฒนาให้เกิดศักยภาพสูงสุด ภายใต้แนวคิด “Be the best in your way”
กว่าจะเป็น LSP School
เศรษฐพล ไกรคุณาศัย ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม เล่าว่า LSP School คือโรงเรียนแห่งแรกที่ Learn Corporation เข้ามาบริหาร ช่วงเริ่มต้นก็คิดว่า ถ้าจะทำโรงเรียนมัธยมควรจะมีหน้าตาอย่างไร? ก็พบว่าโจทย์แรกก็คือ เวลาที่เด็กใช้ในโรงเรียนกวดวิชา น้อยกว่าเวลาที่เขาอยู่ในโรงเรียนตั้งเยอะ ถ้าเรียนที่นี่ก็จะได้ไม่ต้องเรียนกวดวิชาเพิ่ม มีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอื่นๆ ถ้าทำโรงเรียนมัธยม ควรจะทำให้เบ็ดเสร็จ ให้จบที่โรงเรียนได้
ปัญหาคือการนำทรัพยากรมาใช้ LSP School ยึดหลักการเรียนแบบ Personalised Education เป็นการทำโรงเรียนมัธยมขนาด 900 คน ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับผู้ปกครองบางท่าน เช่น บางบ้านมองว่าลูกอายุ 12 ปี ชัดเจนแล้วว่าเขาจะเป็นหมอ ต้องถามกลับว่า ลูกชัดเจน หรือคุณแม่ที่ชัดเจน เราต้องช่วยเขาค้นหาเป้าหมายที่ถูกต้อง เรามีทรัพยากรพร้อม ทั้งกวดวิชาและพาร์ทเนอร์ ตารางเรียนเป็นแบบรายบุคคล แต่ละคนมีตารางเรียนไม่เหมือนกัน อยากเรียนสถาปัตย์ ก็ไม่ต้องเรียนเคมี ของพวกนี้มันออกแบบได้
โรงเรียนอื่นๆ ที่อาจจะทำยากก็เพราะไม่มีภาคกวดวิชา ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ เราเชื่อว่าเราทำถูกต้องมากกว่าทำผิด เราเปิดในปี 2563 (มีตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6) ปีนี้ ปี 2567 จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 900 คน เราไม่ได้คาดหวังว่า ระดับมัธยมต้นจะต้องเรียนให้ได้เกรด 4 ทั้งหมด แต่เขาต้องหา Dream Career ให้ได้ ซึ่งก็สามารถแบ่งเป็น 4 Career Track แบ่งเป็นแผนการเรียนให้เลือก 4 แผน ดังนี้
Track 1: General Health Science
Track 2: Engineering & Technology
Track 3: Commercial Arts
Track 4: Business Social & 3rd Language
เราทำโรงเรียนมาตั้งแต่ปี 2563 คาแรคเตอร์ของเราคือ ต่อให้เราใช้พลังงานค้นหาตัวตนช่วงมัธยมต้นมากขนาดไหน แต่มัธยมปลายก็ยังสามารถย้าย Track ได้จนถึงมัธยม 5 ผลจากการเลือกเรียนตาม Track สามารถแบ่งสัดส่วนนักเรียนที่จบการศึกษาได้ตามนี้
อันดับ 1. Health Science และ 2. Engineer & Tech รวมสัดส่วน 40-50% อันดับ 3. Commercial Arts และ 4. Business & Social Science สัดส่วนราว 50-60% ซึ่งแต่ละปีก็มีสัดส่วนแตกต่างกันไป
ระดับมัธยมปลาย คืองานถนัดของพวกเรา เพราะเรามาจากโรงเรียนกวดวิชา หลักๆ คือตัววิชา Personal Growth ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของเรา เราสะท้อนเด็กในเชิงอาชีพ ใช้ขั้ว RIASEC ซึ่งอเมริกาใช้มานานแล้ว เราจะทำทุกภาคปี ปีละ 2 ภาค รวม 6 รายงาน ที่เป็นตัวสะท้อนความถนัดด้านอาชีพ
RIASEC คือการประเมินบุคลิกภาพและความถนัด โดยให้นักเรียนค้นหาตัวตนในแง่ต่างๆ ทั้งความชอบ ความถนัด และพูดคุยกับครูที่ปรึกษา ครูจิตวิทยาและให้นักเรียนได้เลือกเรียนกว่า 40 วิชา ทั้งไทยและอังกฤษ รวมทั้งทำกิจกรรม I-Career Workshop เพื่อให้เด็กรู้จักอาชีพที่หลากหลาย
เราเชื่อใน Positive Psychology หรือจิตวิทยาเชิงบวก เราเชื่อว่า คนทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะกลัวการลงโทษ การเช็คจาก RIASEC และ Positive Psychology และการเลือกเรียนได้อย่างอิสระ (Elective Subject) ตามสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบอะไร เพื่อสะท้อนว่า จริงๆ แล้วพวกเขาชอบอะไร
นอกจากนี้ก็ยังมี Career Workshop ทุกภาคเรียน มี Workshop 6 อาชีพ 1 เทอม รวมเป็น 36 อาชีพรวม 6 เทอม พอนักเรียนทำ Workshop เราทำทั้งรุ่น Peer Learning และ Peer Pressure จะมีการคุยแบบนี้ตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.3 เพื่อเช็คว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร เด็ก ม.3 จำนวน 140 กว่าคน จะขึ้น ม.4 มีอาชีพหรือ Dream Career ได้ชัดเจนหมดแล้ว ซึ่งค่าเทอมเกือบ 300,000 บาท ดังนั้นต้องชนกับโรงเรียนนานาชาติ
ที่ LSP School เมื่อถึงมัธยมปลาย จะมีการสอบ IELTS, TOEFL สำหรับระดับมัธยมปลายในโรงเรียนนานาชาติ มีค่าใช้จ่ายปีละ 6-7 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท แต่ถ้าเทียบในมิติการแข่งขันภาษาอังกฤษ เราถือว่าไม่น้อยหน้าใคร เพราะเรามี APPA (ที่ปรึกษาในการเรียนต่อต่างประเทศอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย ทั้งในระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรี และปริญญาโท) เป็นหน่วยงานเปิดประสบการณ์ในการจัด Camp ของ Learn Corp.
ปัจจุบันมี 3 หลักสูตร คือ Signature Program, International Program และหลักสูตรใหม่ล่าสุดคือ International Signature Program (ISP) เรียน ISP ได้ทั้งวุฒิไทยและอเมริกาด้วย เป็นวุฒิการศึกษาที่เกิดจากการลงนามความร่วมมือกับโรงเรียน Washington Academy สหรัฐอเมริกา ผู้เรียนจะได้รับวุฒิ High School Diploma ควบคู่กับวุฒิการศึกษาระดับดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
เราจะแนะนำผู้ปกครองว่า ถ้าจะเลือกอยู่กับเรา ต้องเรียนถึงมัธยมปลาย จะคุ้มค่า เพราะเรา Track ข้อมูลตลอดเวลาว่าใครต้องการอะไร แต่ละมหาวิทยาลัยไม่เหมือนกัน เราสามารถแนะนำเด็กให้ถูกทางได้ เด็กของเรา 70% เข้าได้ตั้งแต่รอบแรกในการยื่น Portfolio แล้ว เขาไม่ใช่แค่ติดมหาวิยาลัยที่ดี แต่เขามี Passion กับมันจริงๆ ถือว่าชนะตั้งแต่เริ่มต้น แค่ออก Start ก็สวยแล้ว
เรามี Boarding School หรือโรงเรียนกิน-นอน มีหอพักชายและมีหอพักหญิง มีนักเรียนต่างจังหวัด 22-23% ยิ่งมีคนหลากหลาย ยิ่งเป็นเรื่องดี เราเปิดปี 2563 ถ้าเทียบปัจจุบันถือว่าเติบโตเพิ่มขึ้น 6 เท่า โรงเรียนสาธิตพัฒนาก่อตั้ง 16 ปี (เด็กอยู่เยอะ ในระดับอนุบาล-ประถมศึกษา) จากช่วงเริ่มต้นมี 150 คนถึงตอนนี้เพิ่มเป็น 900 คน ถือว่าโตเร็ว ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันได้ดี
สำหรับเป้าหมายตอนนี้ มีนักเรียนจำนวน 900 คนถือว่าเต็มศักยภาพแล้ว ในอนาคตอาจจะมีสาขา 2 ที่นี่ เราอยู่ในพื้นที่ชานเมืองมีบริเวณกว่า 40 ไร่ วิธีการรับคนเรียนอาจเปลี่ยน แต่หลักสูตร Personalised Education ไม่เปลี่ยน
ความโดดเด่นที่แตกต่างของ LSP School
ความโดดเด่นไม่ใช่แค่เรื่อง Personalised ในแง่ของอาชีพเท่านั้น แต่มันยังตอบสนองคนที่มองหาหนทางที่จะไปเรียนต่างประเทศด้วย เราพยายามหาทางให้ด้วยในแง่หลักสูตร อาจไม่ต่างกับโรงเรียนนานาชาติ การที่เราฝันใหญ่ว่าเราจะไปต่างประเทศ เราพยายามทำให้ใกล้ตัวมากขึ้น น้องๆ สามารถไปได้จริง
ถ้าย้อนไปช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนอินเตอร์นั้นดี แต่แพง เรามองว่า ถ้าทำ เราต้องทำให้ดี แต่ต้องไม่มีราคาแพงขนาดนั้น เวลาเรา Benchmark ตัวเองเทียบกับโรงเรียนอินเตอร์ สิ่งที่เขาทำได้ดี ราคาเท่าไร เราทำได้แต่ถูกกว่า ถ้าระดับอุดมศึกษา เริ่มมีการเก็บ Personalised ผู้ปกครองและเด็ก Gen นี้ เขาอยากชัดเจนตั้งแต่ระดับมัธยมแล้ว สำหรับจุดยืนของเรา เราจะดำรงความเป็นไทยในเวทีโลกได้อย่างไร เราจะทนงความเป็นไทยได้อย่างไร ต้องตามโลกให้ทัน แต่ยังไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง และมีการลงมือปฏิบัติจริง เป็นอัตลักษณ์สำคัญที่เราพยายามจะสร้าง
ความท้าทายตั้งแต่เปิดโรงเรียนจนถึงปัจจุบัน
โรงเรียนโตเร็ว ต้องมีการคัดสรรครูเข้ามาให้ทันตามความต้องการ มีนักเรียนมาจากพื้นที่ที่หลากหลาย โรงเรียนและวัฒนธรรมก็ต่างกัน ครูก็มาจากที่ที่หลากหลาย เราก็มาร่วมพัฒนากัน ว่าต้องมีวัฒนธรรมอย่างไร เมื่อระบบเริ่มอยู่ตัว ก็เริ่มพัฒนาได้ อาคารก็เร่งสร้างในปี 2564 มีการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ Automation ซึ่งเป็นทั้งภัยคุกคามและโอกาส เราพยายามต่อเนื่องด้วยการมอนิเตอร์และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และ 3 ปีหลังจากนี้ถ้าย้อนกลับมาดูตลอด จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เราจะเตรียมเด็กให้พร้อมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เราอยากเห็นที่สุด คือช่วยเด็กนักเรียนในการค้นหาตัวตน ไม่ให้ขีดเส้นแค่หมอ วิศวะ ถึงจะประสบความสำเร็จได้ การทำ Personalised Education น่าจะเป็น the Best way สำหรับการศึกษาตอนนี้ ประเทศที่พัฒนาแล้ว การศึกษาที่ดี จะทำให้คนทำงานตามที่เรียนมา และทำงานนั้นอย่างมี Passion
ในเรื่องการดูแลสภาพจิตใจหรือประเด็นเรื่อง Mental Health
เรามีศูนย์สุขภาวะใจ มีห้อง ID Lab ให้นักเรียนมาพูดคุยกับครูได้ ไม่ใช่แค่มีปัญหาทางจิตใจเท่านั้น แต่คุยเรื่องอื่นๆ ได้ด้วย เด็กมีโอกาสจะเจอเพื่อนต่างชาติ ต่างห้องเรียนตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเรียนที่ระดับ ม.1/1 แล้วต้องเรียนห้องนี้ตลอด ดังนั้น ถ้าอยากมีทักษะในการเข้าสังคม ก็ต้องปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมที่หลากหลาย
สำหรับอาหารกลางวัน เรามีอาหารบุฟเฟต์ ทั้งไทยและนานาชาติ ในห้องอาหารใช้พื้นที่ร่วมกันทั้งระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย แบ่งเป็น 3 เบรค มีสลัดด้วย สำหรับการดูแลด้านอาหารคือ S&P จะมีการประมูลทุก 2 ปี ตอนนี้มีนักเรียน 900 คน เต็ม Capacity แล้ว เรายังขาดพื้นที่ที่ไม่ใช่แค่ห้องเรียน แต่เป็นห้องสำหรับ Coding พัฒนา Robot
ครูทำงานสมเหตุสมผล ไม่แบกงานจนเหนื่อย อัตราการลาออกต่ำ
ตอนนี้ ครู 1 คน มีภาระงาน 18 คาบเรียนต่อสัปดาห์ โดยเฉลี่ยถือว่าน้อยกว่าโรงเรียนของไทยอยู่ที่ 12-20 คาบเรียน เด็กเรียน 40 คาบเรียนต่อสัปดาห์ ปัจจุบันมีครูไทย 80 คน ครูต่างชาติ 40 คน มีฝ่าย IT 40 กว่าคนและบุคลากรอื่นๆ ด้วย เด็กนักเรียนรวม 2,200 คน (บวกอนุบาลและประถมด้วย) ครูทั้งหมดเกือบ 400 คน มีผู้อำนวยการ 2 คน อีกคนหนึ่งดูแลด้านประถมศึกษา
สำหรับอัตราการลาออกของครูอยู่ที่ราว 3% สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ครูกระตือรือร้น ครูที่ถูกคัดออกคือครูที่ขาดงานบ่อย เพราะเรามีปิดเทอมให้ โดย 1 ปี มีปิดเทอมถึง 1 เดือนครึ่ง ช่วงเปิดเทอมเป็นช่วงที่เราคาดหวังว่าจะไม่มีคนลา คนขาด นอกจากจะลาป่วย ถ้าครูขาดงาน 1 คนแบบกระทันหัน จะกระทบต่อเด็ก 100 กว่าคน ส่วนครูต่างชาติ เราต้องซื้อใจเขาพอสมควร ถ้าเรามีอัตราค่าเล่าเรียนระดับนี้ เงินเดือนครูต่างชาติถือเป็นปัจจัยสำคัญ คนต่างชาติเขาจะมองว่าถ้าสอนที่อังกฤษ เขาได้เงินเดือนเท่านี้ เขาไม่สนใจว่าเขาจะสอนที่ไหน แต่เขาต้องได้เรตเดียวกัน
ถ้าทำ Personalised Education จะพึ่งพาครู Fulltime อย่างเดียวไม่ได้ เพราะต้องจ่ายเงินเดือนสูงมาก เราใช้พาร์ทเนอร์ จากแหล่งผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นโดยเฉพาะ เช่น สอนดนตรีก็มีครูมาจากมหาวิทยาลัยมหิดล
ครูตั้ม ธรรมจรรย์ วูด เล่าว่า ปัจจัยที่ดึงดูดครูนั้นมาจากโรงเรียนเรามีหลักสูตรที่สามารถปรับได้ ครูสามารถออกแบบการสอนได้ มี Facility ที่ดี เราดูแลครูต่างชาติ ให้ค่าตอบแทนที่ดี ถ้าเขามีลูก เขาก็อยากให้ลูกเรียนที่นี่ สำหรับครูต่างชาตินั้น อัตราการลาออกไม่สูง เป็นสัญญาแบบปีต่อปี มีเรื่อง Visa มาเกี่ยวด้วย
คุยกับนักเรียน ม.5 ชอบหุ่นยนต์มาก เรียนเขียนโค้ดจนออกแบบโค้ดและคว้าชนะเลิศรางวัลที่ 2 ด้าน Humanoid Dance
ธีรเดช เกิดทรัพย์ อายุ 18 ปี มัธยมศึกษาปีที่ 5 ปัจจุบันเรียน Track 2: Engineering & Technology มีเป้าหมายอยากเรียนคณะ FIBO (ฟีโบ้) วิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม ของมหาวิทยาลัเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ธีรเดช ออกแบบโค้ดให้หุ่นยนต์แสดงท่าทางตามที่ต้องการเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน 3 รายการด้วยกันคือ การแข่งขันต่อยมวย การแข่งขันยกของ, คลานลอดสิ่งกีดขวาง และการเดินข้าม ส่วนอีกรายการคือการเต้น หุ่นยนต์ทั้งสามตัวทำท่าทางตามที่ระบุได้ทุกตัว สำหรับการออกแบบท่าทางให้หุ่นยนต์ใช้โปรแกรมบล็อคโค้ดมาทำ สาเหตุที่ใช้โปรแกรมนี้เพราะเข้าใจง่าย ง่ายต่อการเรียนรู้ ซึ่งหุ่นยนต์ โค้ดจะมีลักษณะเหมือนจิ๊กซอว์ สำหรับการพัฒนาท่าแต่ละท่าที่ออกแบบ ซึ่งความท้าทายของการออกแบบท่า ต้องรู้ว่าน้ำหนักของแต่ละท่า ส่วนท่าต่อยมวยต้องดูว่าทำอย่างไรให้ต่อยคู่ต่อสู้ให้ล้ม ทำอย่างไรให้ได้แต้ม ขณะที่ท่าเดินขึ้นบันได ทำอย่างไรไม่ให้ล้ม การยกของทำอย่างไรให้ของอยู่ในมือ
การแข่งขัน Humanoid ที่จังหวัดพะเยานั้นได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ส่วนปัจจัยที่ทำให้ชนะอันดับ 3 มาได้ คิดว่ามาจากท่าเต้นที่ออกแบบเอง ไม่ได้เอาตามที่เขากำหนดไว้ สำหรับการออกแบบท่าเต้นก็ดูตามคลิปวิดีโอและเอามาประยุกต์ใช้กับหุ่นยนต์ว่ามันเข้ากันได้แค่ไหน สำหรับสายวิศวะ หรือ Track 2 ที่เรียนนั้น เรียนมาตั้งแต่ ม. 4 แล้ว ถ้านึกย้อนไปช่วงที่ค้นหาตัวเองได้คือช่วง ป.6 ชอบหุ่นยนต์ ชอบ Coding ซึ่งก็เริ่มมาจากการเล่นเกมก่อน จากนั้นก็ชอบหุ่นยนต์ที่รู้สึกว่าอยากทำหุ่นยนต์ขึ้นมาเอง
สำหรับคนที่ยังหาตัวตนไม่เจอ ที่ LSP School จะมี I-Career Workshop ให้ดูว่าเด็กชอบทางไหน มีทั้งการแพทย์ วิศวะ ฯลฯ ของผมไปดู Airplane ดูเรื่องเครื่องยนต์เครื่องบิน ลองหาข้อมูลดูว่าเราจะศึกษาอะไรต่อ ให้เปิดประสบการณ์ดู ซึ่งถ้าสำหรับคนที่ยังไม่มีโอกาสมาเรียนที่นี่ได้ ก็สามารถดูจาก YouTube หรือหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตได้ สำหรับผมก็เจอช่อง YouTube ที่มีคนทำเรื่องหุ่นยนต์เหมือนกัน ทำให้รู้ว่าตัวเองชอบหุ่นยนต์มาตั้งแต่ตอนนั้น
ตัวอย่างจากนักเรียนชั้น ม.5 ที่เรียนสายดนตรี นักเรียนจะต้องทำโปรเจกต์ร้องเพลง มีการรวมวง ขับร้อง เล่นดนตรี กีตาร์ กลอง ทุกคนต้องเข้าซ้อมตามที่เลือกเรียนไว้ นักเรียนที่เรียนตามแผนดนตรีต้องสอบโปรเจกต์จบตามดนตรีที่ได้เลือกเรียนไว้
ตัวอย่างผลงานด้านศิลปะ ทางโรงเรียนจะสร้างโอกาสให้นักเรียนได้พบทักษะด้านศิลปะของตัวเอง จะได้เรียนรู้ทั้งจากสตูดิโอศิลปินและอาชีพที่เกี่ยวข้อง พาไปคาเฟ่ ไปหอศิลป์ ไปอยุธยาและวาดภาพ ฯลฯ
หมายเหตุ*
โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม เป็นโรงเรียนเอกชนที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เริ่มก่อตั้งในปี 2550 โดยในปี 2562 LEARN Corporation เป็นผู้ก่อตั้ง LEARN Education, สถาบันกวดวิชา OnDemand, สถาบันกวดวิชา Ignite และสถาบันแนะแนว TCASter ได้เข้าเป็นผู้รับใบอนุญาตจนถึงปัจจุบัน และได้รับมาตรฐาน Cambridge International School
อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น
- ค่าสมัครสอบคัดเลือก 1,000 บาท คน/รอบสอบ (สงวนสิทธิไม่คืนค่าสมัครสอบ)
- ค่าแรกเข้า 50,000 บาท ชำระครั้งเดียวเมื่อยืนวันสิทธิ์เข้าเรียน (สงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าธรรมเนียมแรกเข้าทุกกรณี)
- ค่าบำรุงการศึกษา 25,000 บาท ชำระปีการศึกษาละ 1 ครั้ง (สงวนสิทธิไม่คืนค่าบำรุงการศึกษาทุกกรณี)
หลักสูตร Signature Programme (SP
- มัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 1 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 132,500 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ภาคเรียนที่ 2 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 132,500 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ปีละ 285,000 บาท - มัธยมศึกษาปีที่ 2 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6
ภาคเรียนที่ 1 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 135,000 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ภาคเรียนที่ 2 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 135,000 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ปีละ 290,000 บาท
หลักสูตร International Signature Programme (ISP)
- มัธยมศึกษาปีที่ 1
ภาคเรียนที่ 1 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 167,500 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ภาคเรียนที่ 2 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 167,500 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ปีละ 355,000 บาท - มัธยมศึกษาปีที่ 2 และ มัธยมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 1 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 170,000 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ภาคเรียนที่ 2 ค่าธรรมเนียมการศึกษา 170,000 บาท ค่าอาหารกลางวัน 10,000 บาท
ปีละ 360,000 บาท
นักเรียนปีการศึกษา 2567 จะมีการเรียนเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอม (เรียน 2 สัปดาห์ก่อนเปิดเทอม)
- ม.1 Signature Programme (SP) 8,400 บาท
- ม.1 International Signature Programme (ISP) 15,000 บาท
- ม.4 8,000 บาท
- เฉพาะคนอยู่หอพักช่วงเรียน เตรียมความพร้อม 8,000 บาท (2 สัปดาห์ก่อนเปิดเทอม)
ค่าหอพัก (ห้องละ 3 คน) 27,600 บาท (ราคา คน/เทอม)
ค่าอาหาร ค่ากิจกรรมหอพัก ค่าบริการรักษาความปลอดภัยและค่าบริการอื่นๆ 36,600
รวม 64,200 บาท
LEARN Corporation ก่อตั้งในปี 2549 ภายใต้วิสัยทัศน์ต้องการลดความเหลื่อมล้ำด้านการเรียนรู้ จึงก่อตั้งสถาบัน OnDemand ผู้นำด้านการสอนพิเศษแห่งแรกที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นสื่อการเรีนการสอน และเป็นสถาบันสอนพิเศษอันดับหนึ่งที่มีผู้เรียนมากที่สุดในไทย แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจคือ Out-School ธุรกิจบริการสอนพิเศษและแนะแนวการศึกษา Chain School ธุรกิจบริหารโรงเรียนเอกชน และ Professional & Skills ธุรกิจพัฒนาทักษะการทำงานแห่งโลกอนาคตและแพลตฟอร์มการเรียนรู้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา