หลังจากที่เคยส่งแบรนด์ผ้าอ้อมเด็กญี่ปุ่น “กูนน์” มาในประเทศได้สักระยะแล้ว รอบนี้มองเห็นว่าตลาดผ้าอนามัยไทยโตต่อเนื่อง เลยส่ง “เอลิส” พร้อมกับขยายฐานการผลิตในไทย ลงทุนเพิ่ม 400 ล้านบาท เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด 10% ให้ได้ภายใน 3 ปี
แบรนด์ผ้าอนามัยญี่ปุ่น บุกลงทุนในไทย เพราะเห็นแววโต
ด้วยการมองเห็นศักยภาพของตลาดผ้าอนามัยที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5% ในประเทศไทย ทำให้บริษัทไดโอ เปเปอร์ คอร์ปอเรชั่นจากญี่ปุ่นที่เคยส่งผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูปกูนน์และกระดาษทิชชู่เปียกมาขายในไทยอยู่แล้ว รอบนี้ตัดสินใจส่ง “ผ้าอนามัยเอลิส” มาขายในไทยเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดบ้าง
มร. ฮิโรยูกิ ฟูจิตะ ประธานบริษัท เอลิแอล อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด บอกว่า “เราได้ทำการทดลองส่งสินค้ามาขายในตลาดเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2015 ผลปรากฏว่าได้ผลตอบรับที่ดี จึงตัดสินใจขายอย่างจริงจังในไทย พร้อมทั้งเพิ่มสายการผลิตในโรงงานไทยด้วย” เรียกได้ว่า นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทไดโอ เปเปอร์ คอร์ปอเรชั่นจากญี่ปุ่นเอาสายการผลิตผ้าอนามัยมาตั้งในประเทศไทย และยังเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้ขยายฐานการผลิตผ้าอนามัยออกนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย
โรงงานผลิตตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยเป็นโรงงานเดียวกันกับที่ผลิตผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูปกูนน์ แต่รอบนี้ได้ลงทุนเพิ่มในส่วนการผลิตผ้าอนามัยเป็นเงินทั้งหมด 400 ล้านบาท และตั้งเป้าขายให้มีส่วนแบ่งตลาด 10% ให้ได้ภายใน 3 ปี
จุดขายผ้าอนามัยเอลิส คือความเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น
จุดเด่นของ “เอลิส” คือการใช้แบรนด์ที่แข็งแกร่งจากญี่ปุ่นเป็นตัวการันตีคุณภาพ นอกจากนั้นยังเอาใจด้วยการส่งหมี Rilakkuma มาอยู่ในผ้าอนามัย ในด้านพรีเซ็นเตอร์ก็ดึงเอาแต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ มาเป็นจุดขายของผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีความมั่นใจ
ในด้านการตลาดใช้หลักการที่เริ่มจากขั้นแรกคือการผลิตที่เน้นคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น ตามมาด้วยขั้นที่สองคือการทำให้คนรับรู้ถึงแบรนด์ และส่วนที่สามคือการทำให้ผู้คนคิดถึงอยู่เสมอในใจเมื่อพูดถึงคำว่าผ้าอนามัย ต้องคิดถึง “เอลิส”
โดยส่งออกมา 3 รุ่น ดังนี้ (แต่มีสินค้าทั้งหมด 11 รายการ)
- Fairy wings รุ่นนี้เป็นรุ่นสลิมที่ออกแบบมาให้เน้น “ความน่ารัก” ด้วยการใส่ Rilakkuma มาเพิ่มสีสัน
- Extra Slim รุ่นนี้ความพิเศษคือความบางที่เรียกได้ว่า “อิสระเหมือนไม่ได้ใส่” เพระบางเพียง 0.1 เซนติเมตร แต่ซึมซับได้ดี
- Sensitive Care รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ใช้คำว่า “Soft and Gentle” เพราะออกแบบมาให้ลดการเสียดสี และเป็นสกินแคร์ไปในตัวด้วย
สำหรับสินค้าตัวจริงที่จะออกจำหน่ายในตลาดไทย จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
เป้าหมายคือ ชิงเป็นเบอร์ 3 ในตลาดให้ได้ก่อน หลังจากนั้นลุยอาเซียน
สำหรับตลาดผ้าอนามัยในไทย แบรนด์ที่ครองตลาดอันดับ 1 คือ โซฟี ที่ครองตลาดอยู่ 50% ส่วนอันดับที่ 2 คือ ลอริเอะ 37% และอันดับ 3 คือ โมเดสที่ 10% แน่นอนว่าเอลิสต้องการเข้ามาแย่งอันดับ 3 จากโมเดสให้ได้ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ได้ภายใน 3 ปีนับจากนี้
อย่างไรก็ตาม ประธานฟูจิตะ ยังบอกอีกด้วยว่า หลังจากที่ตีตลาดในไทยได้แล้ว จะเริ่มขยายไปในตลาดอาเซียน “ตอนนี้ได้เล็งไว้แล้ว คาดว่าปีหน้าน่าจะเริ่มขยายไปได้”
สรุป
แบรนด์ผลิตผ้าอ้อมเด็ก “กูนน์” จากญี่ปุ่น เห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดผ้าอนามัยจึงขยับขยายเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง เพราะเพิ่มสายการผลิตด้วย เพื่อหวังจะต่อยอดการขายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย แต่สิ่งที่ต้องตระหนักคือ โดยปกติแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อถูกใจกับแบรนด์ผ้าอนามัยตัวไหนแล้ว ก็มักจะเลือกซื้อแบรนด์นั้นอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วการจะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดผ้าอนามัยของแบรนด์ “เอลิส” จากญี่ปุ่นรายนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา