Japan Today รายงาน ผลสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นชิ้นล่าสุด พบว่า คนทำงานในญี่ปุ่นราว 45.5% นอนหลับพักผ่อนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและส่งผลต่อสุขภาพจิตได้
รายงานดังกล่าววิเคราะห์ว่า สถานะการเสียชีวิตและการฆ่าตัวตายในปัจจุบันสัมพันธ์กับการทำงานหนักเกินไป มีการรายงานว่าในปีงบประมาณ 2022 ญี่ปุ่นต้องเสียเงินค่าชดเชยราว 710 กรณี อันเนื่องมาจากสาเหตุการทำงานหนักเกินไป ซึ่งก็สัมพันธ์กับการทำให้สุขภาพจิตเสียและนำไปสู่การฆ่าตัวตายในท้ายที่สุดด้วย
จากผลสำรวจมนุษย์เงินเดือนจำนวน 10,000 คน พบว่า 45.4% นอนหลับพักผ่อนราว 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ขณะที่ 17.1% นอนหลับมากกว่า 8 ชั่วโมงขึ้นไป จากรายงานเมื่อ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่า 10.0% นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน ขณะที่อีก 35.5% นอนหลับราว 5-6 ชั่วโมงต่อคืน ส่วนอีก 35.2% นอนหลับ 6-7 ชั่วโมงต่อคืน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบอีกว่า คนทำงานราว 27.4% นอนหลับเพียง 4 ชั่วโมงต่อคืน ขณะที่อีก 38.5% นอนเพียง 5 ชั่วโมงต่อคืน ตัวเลขเหล่านี้ทำให้คาดการณ์ว่าคนนอนน้อยทั้งหลายกำลังประสบภับภาวะซึมเศร้าระดับรุนแรง หรืออยู่ในอาการของโรควิตกกังวล เหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าผู้คนมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะพัฒนาไปสู่ปัญหาทางสุขภาพจิตมากขึ้นเมื่อพวกเขาประสบปัญหานอนไม่หลับ
จากรายงานพบว่าราว 70% ที่นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเหมาะสม จะไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวล โดยผู้ที่นอนน้อย พักผ่อนไม่พอ หรือนอนแค่ 3-5 ชั่วโมงก็มีสัดส่วนที่ลดลงต่ำกว่า 40% ทางกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ ระบุว่า ด้วยเหตุนี้ ทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องลดชั่วโมงการทำงานลง เพื่อจะให้คนทำงานได้นอนหลับพักผ่อนได้มากขึ้น เพื่อที่จะยังคงรักษาสุขภาพจิตได้ดีด้วย
ผลสำรวจเมื่อปี 2021 โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เผยว่า ผู้คนในญี่ปุ่นนอนหลับเป็นระยะเวลาเฉลี่ย 7 ชั่วโมง 22 นาที ถือเป็นระยะเวลาที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับสมาชิกทั้งหมด 33 ประเทศ (ปัจจุบัน OECD มีสมาชิกรวม 38 ประเทศ) ประเทศอื่นๆ ที่ว่านั้น นอนหลับพักผ่อนในระยะเวลาที่เหมาะสมกว่าผู้คนในญี่ปุ่น เฉลี่ยแล้ว ใช้เวลานอนหลับพักผ่อนราว 8 ชั่วโมง 28 นาที
- ผลวิจัยล่าสุดชี้ การกดเลื่อนนาฬิกาปลุกช่วงเช้าไม่ใช่เรื่องแย่ ถ้าง่วงมาก ก็นอนหลับต่อได้
- ผลการศึกษาชี้ ตื่นเช้าขึ้น ลดความเสี่ยงอาการซึมเศร้า หดหู่ มีความสุขในชีวิตมากขึ้น
ที่มา – Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา