10 ข้อคิดจากหนัง Rose Island วิศวะที่สร้างประเทศใหม่ได้จริง อิงจากเรื่องของ Giorgio Rosa

อยากไปอยู่เกาะมั้ย หรือว่าอยากย้ายประเทศอยู่

หนังเรื่อง Rose Island สร้างจากเรื่องจริงของ Giorgio Rosa ผู้ที่สร้างเกาะขึ้นมาเอง บนพื้นที่ขนาด 400 ตารางเมตรห่างจากชายฝั่งอิตาลีราว 11 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในน่านน้ำสากล กลางทะเลอาเดรียติก (Adriatic Sea) และประกาศเป็นประเทศเอกราชชื่อประเทศสาธารณรัฐโรสไอส์แลนด์ (Republic of Rose Island)

“Rose Island” เกาะที่รัฐบาลอิตาลีต้องการทำลาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าถูกเหมารวมว่าเป็นแค่เพียงที่สังสรรค์ ปาร์ตี้ สำหรับคนที่อยากเสพสุขกลางทะเลเท่านั้น แต่ Giorgio Rosa กลับสร้างมันให้กลายเป็นประเทศ อิสระจากการบังคับให้ทำตามกฎทั้งปวง และนี่คือ 10 ข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ 

Rose Island

1) ถ้าอยากสร้างความเปลี่ยนแปลง คุณต้องพร้อมที่จะรับความเสี่ยง 

ความหมายของความเปลี่ยนแปลงที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ มักหมายถึงความแปลกใหม่ที่ดีขึ้น คงไม่มีใครเปลี่ยนแปลงด้วยการทำให้โลกย้อนคืนสู่อดีต เหมือนกับที่ Rosa มีความคิดแหวกแนว ต้องการสร้างทั้งรถยนต์และประเทศของตัวเองแบบที่ไม่ค่อยมีคนคิดจะทำ

2) คุณต้องหนักแน่น มั่นคงพอที่จะอดทนฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบทิศประเภท 

“ความคิดนี้มันช่างเพ้อฝัน” “เป็นไปไม่ได้” “ไม่อยู่กับโลกแห่งความจริง” “คิดได้ แต่ทำให้เป็นจริงไม่ได้” เป็นต้น นี่คือความคิดสารพัดรูปแบบที่จะนำไปสู่การต่อต้านให้ไม่สามารถทำความคิดในอุดมคติให้เป็นจริงได้

ถ้าทำสิ่งที่คนไม่เคยทำมาก่อน ย่อมมีความเสี่ยงที่จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนบ้า ช่างฝัน แม้ว่าตัวผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เองก็ยังไม่เคยฝัน หรืออาจจะไม่กล้าฝันเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายถ้าจำนวนนักฝันมีน้อยกว่า พวกเขาจะถูกจับจ้องและนำไปสู่การทำโทษเมื่อคิดแหกกฎ

3) คิดทำสิ่งใหม่ต้องมีเพื่อนร่วมฝัน เพื่อนร่วมฝันอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเพื่อนร่วมลงมือทำด้วย 

การมีเพื่อนสำคัญมากสำหรับการคิดทำสิ่งใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะการสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวย่อมต้องใช้แรงมาก สร้างผลกระทบมาก การมีเพื่อนร่วมสนับสนุนย่อมเป็นสิ่งที่ดี ดีกว่าสู้อยู่ลำพัง

4) จงมีมิตรที่มีความคิดเห็นหรือมุมมองที่แตกต่างจากคุณบ้าง ความคิดเห็นของเขาจะช่วยสะท้อนภาพที่คุณไม่เคยมอง และทำให้คุณอุดช่องโหว่จากสิ่งที่คุณทำได้ เผลอๆ คนกลุ่มนี้จะช่วยดึงคุณให้กลับมาหาทางสู้เพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จได้

5) การเชื่อใจกันในทีมเพื่อทำสิ่งที่ยากและท้าทายนั้นสำคัญมาก ศัตรูจะหาทางบ่อนทำลายความเชื่อใจนั้น และในที่สุดคุณจะไม่สามารถขยายทีมได้เพราะความระแวง รวมถึงผลประโยชน์ที่ไม่สอดคล้องกัน การทำให้ทีมแตก ย่อมส่งผลดีกับขั้วตรงข้าม เพราะมันทำให้ฝ่ายต้องการเปลี่ยนแปลงมีขนาดเล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ หรือหากจะสำเร็จก็ต้องขยายเวลาออกไปอีก

6) การทำสิ่งที่ท้าทายฐานอำนาจเดิม ไม่เพียงทำให้กลุ่มฐานอำนาจเดิมสั่นคลอนและต้องการบ่อนทำลายทีมผู้มาใหม่อย่างคุณที่คิดต่างเท่านั้น แต่เขาจะหาทางโจมตีจุดอ่อนของคุณทุกช่องทาง เพื่อบีบให้คุณละทิ้งเป้าหมาย และทำให้คุณจมอยู่กับจุดอ่อนของตัวเอง ถ้าไม่มุ่งมั่นมากพอ ท้ายที่สุดเป้าหมายก็จะกลายเป็นแค่เศษซากความฝันที่เหลืออยู่

7) ต้องใช้สถานการณ์แวดล้อมให้เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายของตัวเอง ช่วงที่ Rosa พยายามก่อตั้งประเทศของตัวเอง ถือเป็นพื้นที่อิสระจากการบีบบังคับทั้งปวง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศในบริเวณใกล้เคียงเกิดการประท้วง ปฏิวัติ เช่น ในปารีสก็มี Youth Culture มีการเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบอำนาจนิยม ประท้วงเพื่อโค่นล้มรัฐบาล เนื่องจาก Charles de Gaulle พยายามจะขยายอำนาจตัวเองด้วยกลไกรัฐธรรมนูญ 

แม้ De Gaulle จะทำสำเร็จเพราะแรงสนับสนุนจากกองทัพ แต่ก็ทำให้กลุ่มเคลื่อนไหวสนใจอยากย้ายมาเป็นพลเมืองของประเทศที่ Rosa สร้างขึ้น

8) แม้ความฝันของ Rosa จะดูเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย แต่การลงมือทำจริงจัง ก็ทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้

9) การทำให้โลกเห็นว่าฝันที่จะทำอะไรอยู่ แม้จะโดนดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยามอยู่บ้าง แต่ความก้าวหน้าจากการผลักดันทีละขั้นไปทุกๆ วันจะทำให้ศัตรูหวั่นกลัว และในที่สุดจะนำไปสู่การทำลายล้าง

10) เบื้องหลังแรงผลักดันที่สำคัญ อาจเริ่มต้นง่ายๆ จากครอบครัว ถ้าครอบครัวแข็งแกร่งพอที่จะสนับสนุนฝันคุณ อยู่เคียงข้างมากกว่าจะต่อต้าน บางครั้งก็ทำให้ฝันประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

ที่มา – Netflix, Britannica, Rose Island

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา