การทำธุรกิจยุคนี้จำเป็นต้องเก่งกว่าแค่ธุรกิจหลักของตัวเอง เพราะผู้บริโภคยุคนี้มีความต้องการที่หลากหลาย ซึ่ง พฤกษา หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยเล็งเห็นถึงเรื่องนี้ และเดินหน้ากลยุทธ์ที่เป็นมากกว่าแค่ที่พักอาศัยผ่านแนวคิด Live Well Stay Well
กลยุทธ์ดังกล่าวขับเคลื่อนโดยมีที่พักอาศัยเป็นแกนหลักของธุรกิจ และเพิ่มเติมธุรกิจเฮลธ์แคร์ผ่านโรงพยาบาลวิมุต และโรงพยาบาลเทพธารินทร์ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของลูกบ้าน ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้ พฤกษา เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการมีช่องทางรายได้หลากหลาย และจูงใจลูกบ้านใหม่ได้ดีขึ้น
กลยุทธ์ดังกล่าวของ พฤกษา จะเดินหน้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 อย่างไร และจะมีโครงการ หรือความร่วมมือกับธุรกิจอื่น ๆ หรือไม่ ลองมาฟังคำตอบจากวิสัยทัศน์ของ อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง ดังนี้
ยกระดับจากความเชื่อมั่นที่ทำมา 30 ปี
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบัน พฤกษา เดินหน้าธุรกิจมาครบรอบ 30 ปี และจะเดินหน้ามาถึงจุดนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกบ้าน ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ความเชื่อมั่นดังกล่าวทำให้บริษัทเดินหน้ากลยุทธ์ Live Well Stay Well เพื่อเป็นมากกว่าแค่ที่พักอาศัย
“กลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่การให้บริการโรงพยาบาลวิมุตตั้งแต่ 2 ปีก่อน เพราะการพยาบาลนั้นตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยในยุคปัจจุบันที่กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และผู้คนต่างใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ทางกลุ่มยังมีธุรกิจพรีคาสท์ที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน”
การเดินหน้ากลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2023 รายได้ของบริษัทพุ่งขึ้นไปแตะ 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งทำให้สถานะการเงินแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำที่ 0.3 สูงกว่าเดือน ธ.ค. 2022 เล็กน้อย
เจาะลึกแต่ละธุรกิจของ พฤกษา ยุคใหม่
หากเจาะลึกธุรกิจของ พฤกษา โดยเริ่มจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พบว่า ยอดโอนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 11% เนื่องจากการโอนที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมียอดขายรอโอน (Backlog) อีกราว 5,000 ล้านบาท และมีบ้านพร้อมเข้าอยู่รวมมูลค่า 10,600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นยอดขายหลักในช่วงครึ่งหลังของปี 2023
ด้านธุรกิจเฮลธ์แคร์สิ้นไตรมาส 2 ปี 2023 ทำรายได้ 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเหตุผลหลักในการเติบโตมาจากยอดการใช้บริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 เพิ่มถึง 77% รวมถึงรายได้ที่ได้รับจากโรงพยาบาลเทพธารินทร์ที่เพิ่มเข้ามาเช่นกัน
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาความร่วมมือเพิ่มเติมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี และนัลลูรี่ บริษัทเทคโนโลยีด้านเฮลธ์แคร์จากมาเลเซีย เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้กับ พฤกษา รวมถึงการร่วมมือกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการช่วยให้ชีวิตของลูกบ้าน พฤกษา ดีขึ้นกว่าเดิมตามกลยุทธ์ข้างต้น เช่น อินโน พรีคาสท์ ธุรกิจระบบก่อสร้างสำเร็จรูป
วางเป้าหมายสิ้นปียอดขาย 24,000 ล้านบาท
จากกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ พฤกษา วางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปี 2023 ที่ 24,000 ล้านบาท และมียอดโอนราว 28,000 ล้านบาท และมีมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ที่ 23,500 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท ยอดโอน 11,680 ล้านบาท และมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ 4,848 ล้านบาท
“แม้ตัวเลขครึ่งปีแรกจะไม่ถึงครึ่งของเป้า แต่เราก็พยายามเร่ง เช่น การขอใบอนุญาตโครงการต่าง ๆ และพยายามเร่งขายโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ 64,186 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวเพียงพอต่อการทำตลาดในระยะเวลา 2 ปี และยืนยันว่ายอดโอนที่น้อยในครึ่งปีแรกเป็นเรื่องปกติ และ Rejection Rate จากสถาบันการเงินอยู่แค่ 5-6%”
ทั้งนี้ Backlog มูลค่า 5,000 ล้านบาท จะแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2,380 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 1,331 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 1,264 ล้านบาท และยังมีบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่มูลค่า 10,593 ล้านบาท รอสร้างยอดขาย เช่น Passorn ย่านรังสิต กับ The Plant ดอนเมือง-พหลโยธิน 2 เป็นต้น
ตัวอย่างการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน
ตัวอย่างที่น่าสนใจของ พฤกษา ในการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้านคือโครงการ The Palm วัชรพล ที่ตัวโครงการนอกจากมีชุมชนสีเขียวผ่านการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และนวัตกรรมต่าง ๆ ยังมีการตั้งหน่วยงานของโรงพยาบาลวิมุตไว้หน้าโครงการเพื่อดูและผู้สูงอายุ และมีแอปพลิเคชัน Myhaus ช่วยควบคุมระบบต่าง ๆ ในบ้าน
“ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยระดับพรีเมียม หรือตลาดแมสที่ พฤกษา ถนัด จะมีการนำความสามารถของโรงพยาบาลวิมุต และความเชี่ยวชาญเรื่องนวัตกรรมต่าง ๆ มาใส่ไว้ในแต่ละโครงการ โดยจากกลยุทธ์นี้ทำให้ พฤกษา ตั้งเป้าธุรกิจเฮลธ์แคร์ให้ทำรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พฤกษา ยืนยันไม่มีโครงการที่เข้าเกณฑ์ถูกฟ้องร้องเหมือนกับที่ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และก่อนหน้านี้ที่มีการถูกร้องเรียนในโครงการ The Reserve ทองหล่อ ทางบริษัทได้ยุติการก่อสร้าง และพับโครงการไปก่อน ทั้งยังเดินหน้าทำธุรกิจอย่างโปร่งใสเพื่อให้ลูกบ้านเดิม และลูกบ้านใหม่มั่นใจเช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา