Tesla Model 3 เริ่มต้นการผลิต ว่าที่แบรนด์แรกลุยตลาดทั่วไป พร้อมเขย่าตลาดรถยนต์

กล่าวได้ว่านี่คือรถยนต์ที่ทั่วโลกรอคอย เพราะ Tesla Model 3 คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ออกมาบอกว่า จะจับตลาดทั่วไปกับราคา 35,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 1.2 ล้านบาท โดย Musk ได้เผยภาพของ Model 3 คันแรกผ่านทาง Twitter ออกมาเรียบร้อยแล้ว

Tesla ใช้เงินลงทุนไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มทำตลาดในอเมริกา เรียกว่าท้าชนกับคู่แข่งใหญ่อย่าง BMW และ Mercedes โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ตลาดในปลายปีนี้ และจะนั่นทำให้ Tesla กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์แรกของโลก ที่สามารถผลิต ส่งมอบและให้บริการในตลาดทั่วไป

สำหรับแผนการผลิตมีกำหนดส่งมอบรถยนต์ 30 คันแรกในงานฉลองเปิดตัววันที่ 28 ก.ค. นี้ จากนั้นจะผลิตอีก 100 คันในเดือน ส.ค. และเพิ่มเป็น 1,500 คันในเดือน ก.ย. และสุดท้าย 20,000 คันในเดือน ธ.ค. ทำให้ Tesla มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 6 เท่าในเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเพิ่มอีก 5 เท่าในปลายปีหน้า

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการผลิตของ Musk เท่ากับว่าจะมีความต้องการแบตเตอร์รี่รถยนต์ในปีหน้า มากกว่าที่มีการใช้กันทั้งหมดจากทุกแบรนด์ในปีที่ผ่านมา และทำให้ยอดขาย Tesla ในอเมริกาปี 2018 แซงหน้า BMW Series 3 และ Mercedes C-Class รถยนต์หรูขนาดเล็กที่ขายดีที่สุดไปเลย

ตามธรรมเนียม Tesla จะส่งมอบรถยนต์คันแรกให้กับลูกค้าที่จ่ายเงินเต็มจำนวน แต่สำหรับ Model 3 ล็อตแรกประมาณ 1,000 คันจะเริ่มต้นกระจายให้พนักงานของ Tesla ที่ลงชื่อไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อ Model S และ X ได้เพราะมีราคาแพง การส่งมอบให้พนักงานก่อน ทำให้ Tesla มีโอกาสตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อสามารถแก้ไขได้ในทันที

จากนั้น จะเริ่มส่งมอบคันต่อๆ ไปจะเริ่มจากในคาลิฟอร์เนีย แล้วจึงขยายไปคนอเมริกันที่จองไว้ตั้งแต่ 15 เดือนก่อนหน้านี้ ส่วนใครที่จองวันนี้ต้องรอไปอย่างน้อยก็กลางปีหน้า

สาเหตุที่ช่วงแรกการผลิตจะยังไม่เต็มที่ เนื่องจาก Tesla ต้องการให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดเหมือนตอน Model X เช่น เรื่องการประกอบตัวถัง ประตูปีกนก และการติดตั้งซอฟต์แวร์ (ปัจุจบัน Model X เป็น SUV ที่ขายดีเป็นอันดับ 4 ในอเมริกา)

สำหรับสเปคและการทำงานของ Model 3 เป็นรถยนต์ซีดาน 4 ประตู ราคาเริ่มต้น 35,000 ดอลลาร์ สามารถวิ่งได้ระยะทางอย่างน้อย 215 ไมล์ หรือประมาณ 346 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง เร่งความเร็วจาก 0 – 100 ใน 6 วินาที บรรจุ 5 ที่นั่ง มีระบบความปลอดภัยครบถ้วน

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และซูเปอร์ชาร์จ เพื่อการชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็ว โดย Tesla มีการให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าแบบธรรมดา 9,000 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 15,000 แห่ง ส่วนแบบ hi-speed จะมีให้บริการ 10,000 แห่งในปลายปีนี้

ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง เพราะนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไปที่ทุกคนเข้าถึงได้มากกว่าเดิม กับสิ่งที่ Elon Musk บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพทั้งหมดจัดเต็มในแบบของ Tesla และน่าจะทำให้วงการรถยนต์ค่ายอื่นๆ ต้องเร่งปรับตัวกันโดยเร็ว

จะเสียดายนิดเดียวตรงที่ไม่มีไทยอยู่ในตลาดเป้าหมายเลย

source: bloomberg, tesla.com

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา