ความนิยมกระเป๋า Anello ยังบูม กลุ่มไมเนอร์ตั้งเป้ายอดขายในไทยปีนี้ถึง 400 ล้านบาท

โลกแฟชั่นนั้นหมุนเร็วมาก ดังนั้นผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้จึงต้องมีอะไรใหม่ๆ มาตอบโจทย์ผู้ซื้อ ในทางกลับกัน แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเองสูงก็ยืนหยัดอุตสาหกรรมนี้ได้ไม่ยาก หนึ่งในนั้นคือแบรนด์กระเป๋าจากญี่ปุ่นอย่าง Anello

กระเป๋า Anello รุ่นยอดนิยม // ภาพจาก Facebook ของ Anello

ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ยังดึงดีมานด์ผู้ซื้อชาวไทย

สำหรับตัวกระเป๋า Anello เองนั้น มี Carrot Co. เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น และทางนั้นคงรับรู้ถึงยอดขายที่ถาโถมมาจากนักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก เพราะปีก่อนมีคนจากไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกว่า 9 แสนคน และเกือบทุกคนต้องหิ้วกระเป๋า Anello มาใช้เอง หรือฝากเพื่อนฝูง รวมถึงเอามาขายต่อ

ซึ่งจากความนิยมนี้เอง ทำให้กลุ่มไมเนอร์ตัดสินใจติดต่อนำเข้าแบรนด์ Anello เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างถูกต้อง และแต่เดิมตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 350 ล้านบาท แต่ด้วยกระแสยอดขายที่เพิ่มขึ้น เช่น Flagship Store ในห้างเซ็นทรัลในกลางเมืองก็มีคนเข้ามาในร้านกว่า 100 คน/วัน ใยช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้ปีนี้อาจปิดยอดขายที่ 400 ล้านบาทเลยทีเดียว

หน้าร้าน Flagship Store ของ Anello ในประเทศไทย // ภาพจาก Facebook ของ anellothailandofficial

ขณะเดียวกันยังเตรียมขยายจุดหน่ายไปเป็น 110 ทั่วประเทศ พร้อมกับร่วมมือกับเจ้าของแบรนด์ที่ญี่ปุ่นในการจำหน่ายรุ่นที่มีเฉพาะในประเทศไทย เช่นรุ่นที่ใช้ผ้าแบบกันน้ำ เพื่อรับหน้าฝนของที่นี่ แต่รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดยังเป็นรุ่นกระเป๋าสะพายที่ช่องใส่ของเปิดได้กว้างเป็นพิเศษ ขายที่นี่ราคา 1,990 บาท ซึ่งก็ไม่ได้สูงจนเกิดไปนัก เมื่อเทียบกับราคาที่ญึ่ปุ่น

ถูกกว่า Cath Kidston เท่าตัว ถึงมีของเลียนแบบก็ไม่กลัว

จากราคาตั้งข้างต้น ทำให้ Anello มีราคาถูกกว่ากระเป๋าแบรนด์ Cath Kidston ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใกล้เคียงกัน ถึงเท่าตัว จึงไม่แปลกที่ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มเลือกที่จะซื้อสินค้าในประเทศ ดีกว่ารอหิ้วมาจากญี่ปุ่น และจากความนิยมนี้เอง ก็ทำให้มีสินค้าเลียนแบบเข้ามาจำหน่ายในราคาถูก แต่ด้วย Anello มีราคาตั้งที่ไม่สูงนัก ทำให้ไม่กระทบมากนัก

Bao Bao ของ Issey Miyake // ภาพจาก baobaoisseymiyake.com

แตกต่างกับ Bao Bao ของ Issey Miyake กระเป๋าจากญี่ปุ่นอีกแบรนด์ที่ถูกของเลียนแบบโจมตีอย่างหนัก เพราะด้วยราคาที่สูงกว่า Anello มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO ก็ร่วมมือกับตำรวจ และกรมศุลกากร เพื่อตรวจจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ระแวกจังหวัดมุกดาหาร ที่มีพรมแดนติดกับประเทศลาว

สรุป

คงไม่แปลกที่ Bao Bao จะถูกเลียนแบบเยอะ และคนที่ถือส่วนใหญ่ในไทยก็เป็นของปลอม เพราะราคาเฉลี่ยต่อใบอยู่ที่ 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 17,000 บาท ในทางกลับกัน Anello ที่มีราคาถูกกว่า และมีดีไซน์ที่เข้าถึง รวมถึงเข้าใจการใช้งานของผู้บริโภคในไทย ทำให้ตัวแบรนด์มีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน

อ้างอิง // Asian Nikei Review

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา