- ทรูวิชั่น ได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จาก beIN Sports นาน 3 ปี ครบ 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล และลีกอื่นๆ รวม 1,500 แมตซ์ต่อปี
- ผู้ใช้งาน ทรูมูฟ เอช จ่าย 29 บาทต่อเดือน ดูพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครบทุกแมตซ์ด้วย True Super Soccer Package บนสมาร์ทโฟน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น True ID
- ลูกค้าทรูวิชั่นส์แพลทินัมทั้งเก่าและใหม่ ดูฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มถึง 30 มิ.ย. 2560
- 30% จากประชากรไทยกว่า 60 ล้านคน สนใจและติดตาม ไทยพรีเมียร์ลีก และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คาดกลุ่มคนเหล่านี้สมัครใช้แพ็กเกจ ปัจจุบัน ทรูมูฟ เอช มีฐานลูกค้ากว่า 29 ล้านเบอร์
3 ปีก่อนทรูตัดสินใจถอย ไม่สู้การประมูลลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ และเป็น CTH ที่ชนะการประมูลด้วยมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท เพราะทรูประเมินแล้วว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ไม่สามารถสร้างความคุ้มค่าทางธุรกิจได้ และผลก็ปรากฎให้เห็นกับ CTH ที่ต้องลดบทบาทการให้บริการลงไป
วันนี้ ทรู กลับมาลงสนามฟุตบอลอีกครั้ง ประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าลิขสิทธิ์ 380 แมตช์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ beIN Sports
เมื่อ Infrastructure สมบูรณ์แบบ รุก Convergence ต่อยอดธุรกิจ
สุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ รองหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น บอกว่า ทรูออนไลน์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ 10 ล้านครัวเรือนในสิ้นปีนี้ ทรูวิชั่นส์มียอดสมาชิก 3.3 ล้านราย เป็นฐานในการลงทุนด้านคอนเทนต์ที่ดี จึงเปิดการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษกับ beIN Sports เครือข่ายช่องรายการกีฬาทางโทรทัศน์ ในเครืออัลญะซีเราะฮ์ แห่งรัฐกาตาร์
พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย ของทรู บอกว่า นี่คือ Exclusive Pay TV รายเดียวในไทย ผู้บริโภคจะชมผ่านทรูได้ครบ 380 แมตช์ ผ่านทั้งทางทีวีและสมาร์ทโฟน ขณะที่ FreeTV ได้เพียง 26 แมตช์ และที่ทรูยังมีลีกชั้นนำอื่นๆ ได้แก่ ลาลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี, ลีกเอิง ฝรั่งเศส, เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา และ โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก
และยังมีฟุตบอลชิงแชมป์สโมสร ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, ช้าง เอฟเอ คัพ และ โตโยต้า ลีกคัพ
ลูกค้า ทรูมูฟ เอช ดูครบจ่าย 29 บาท/เดือน
29 บาทต่อเดือน เป็นราคาที่ลูกค้าทรูมูฟ เอช ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านทางสมาร์ทโฟนบนแอพพลิเคชั่น True ID ถือว่าถูกกว่าผู้ให้บริการอย่าง เอไอเอส เมื่อปีที่แล้วกว่า 10 เท่า (299 บาท) ถือเป็นเกมดึงฐานลูกค้าทั้งรายเดือน และเติมเงิน ให้มาใช้งาน จากผลสำรวจพบว่าคนไทยกว่า 60 ล้านคน สนใจและติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ฟุตบอลไทย พรีเมียร์ ลีก ประมาณ 30% ซึ่งหากทรูได้ฐานลูกค้ากลุ่มนี้มาได้ทั้งหมด จะดันรายได้ และยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“ผู้ชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ชมผ่าน True ID ต้องทำการเชื่อมต่อด้วยเครือข่าย ทรูมูฟ เอช หรือ อินเทอร์เน็ต ทรู เท่านั้น หากเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายอื่นๆ จะไม่สามารถเข้าชมได้”
เริ่มกลยุทธ์เพิ่มฐานลูกค้า ทรูวิชั่นส์ ทรูมูฟ เอช
กลยุทธ์ เพิ่มฐานลูกค้า ถูกนำมาใช้อย่างหนักหน่วง ล่าสุด ทรู ต้องการเพิ่มฐานลูกค้า ทรูวิชั่นส์ ที่ปัจจุบันมีประมาณ 3.3 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้ารายเดือน 1.5 ล้านราย และลูกค้าเติมเงิน 1.8 ล้านราย การแจกกล่อง ทรูดิจิตอล เอชดี นอกจากจะทำให้ลูกค้ารายเดือนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกค้าเติมเงินของทรู เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
มีการเปิดช่องกีฬาใหม่ beIN Sports ที่เปิดขึ้นเป็นการเฉพาะจำนวน 4 ช่อง ลูกค้าทรูวิชั่นส์ แพลทินัม ทั้งเก่าและใหม่ สามารถดูได้ทันทีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถึง 30 มิ.ย. 2560 ส่วนแพ็คเกจรองลงมา สามารถดูช่อง beIN 4 เท่านั้น หากต้องการซื้อช่อง beIN 1-3 ต้องซื้อแพ็คเกจเสริมเดือนละ 299 บาท และลูกค้าที่ดูผ่านกล่องทรูดิจิตอล เอชดี เดือนละ 399 บาท
บทสรุป
นี่คือการกลับมายิ่งใหญ่ด้วยคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกอังกฤษของทรูอย่างแท้จริง สามารถกินรวบทั้ง ทรูวิชั่นส์ และทรูมูฟ เอช แบบเบ็ดเสร็จ และทำแพ็คเกจราคาออกมาโดนใจมาก คาดว่าสำหรับลูกค้าโมบาย ทรูจะดึงให้ลูกค้าเปิดเบอร์ทรูใหม่ หรือย้ายไปใช้บริการทรู เพื่อดูบอลพรีเมียร์ลีกทางมือถือโดยเฉพาะ (ต่อออกทีวีไม่ได้) แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าทรูเปิดให้ผู้ใช้มือถือ เอไอเอส-ดีแทค สามารถดาวน์โหลดแอป True ID และดูได้ด้วย จะเป็นการขยายฐานแบบไม่ยึดติดกับค่ายมือถือ ก็เป็นทางเลือกที่ทรูไม่เลือกทำ
อีกช่องทางหนึ่งที่ทรูจะต้องต่อสู้ด้วยคือ ช่องทางเพจต่างๆ บน Facebook ที่เป็น Live ให้ดูได้ครบทุกแมตช์ ทุกลีกการแข่งขันเช่นเดียวกัน (จะไล่แจ้งปิด ก็มีเพจเกิดขึ้นเยอะเหลือเกิน) ทรู จะมีอะไรดึงดูดใจให้คนหันมาสมัครดูกับทรู เป็นโจทย์ที่ผู้บริหารต้องคิดเป็นการบ้านก่อนฤดูกาลแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา