ผลสำรวจจากสื่อส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นเผย คนหันมาใช้ตุ๊กตายางเพราะตอบโจทย์ความต้องการหลายอย่าง เช่น ตุ๊กตายางไม่นอกใจ ช่วยให้หายเหงา ช่วยคลายเศร้าตอนอกหัก ช่วยฝึกหัดก่อนมีเพศสัมพันธ์ และยังช่วยเป็นที่รับฟังได้โดยไม่บ่นสักคำ ไม่ทำให้บั่นทอน
แถมวงการผลิตตุ๊กตายางมีหลายอย่างที่น่าสนใจที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ ทาง Brand Inside จะพาไปดูเบื้องหลังกัน
อยากได้ตุ๊กตายางแบบไหน ขอให้บอก บริษัทจัดให้ได้หมด
เพื่อตอบสนองความชอบที่หลากหลายของลูกค้า ทางบริษัทต่าง ๆ จึงมีทางเลือกให้ลูกค้ากำหนดลักษณะของตุ๊กตายางที่ต้องการได้อย่างละเอียด เช่น
- มีความสูงกี่เซนติเมตร
- มีรอบอก เอว สะโพก กี่นิ้ว
- มีน้ำหนักกี่กิโลกรัม
- มีความลึกของช่องคลอดและทวารหนักเท่าไร
- มีลิ้นหรือไม่มีลิ้น
- มีไหล่กว้างแค่ไหน
- สวมรองเท้าเบอร์อะไร
ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถสั่งตุ๊กตายางแบบ Customized ได้ตามความต้องการ โดยกำหนดได้เลยว่าอยากให้ตุ๊กตายางมีลักษณะอย่างไร พร้อมผลิตได้ทุกรูปแบบ
- ‘สีผิว’ แบบไหน เช่น ผิวขาวเหลือง ผิวขาวอมชมพู ผิวสีน้ำตาลอ่อน ผิวสีโกโก้
- ‘หัวนม’ สีอะไร เช่น สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม
- ‘ขน’ บริเวณอวัยวะเพศ อยากให้มีไหม ถ้ามี อยากให้มีมากน้อยแค่ไหน หรืออยากได้แบบเรียบเนียน
- ‘ช่องคลอด’ แบบถอดได้หรือไม่ได้
- มี ‘เสียงหายใจหอบ’ ขณะใช้งาน หรือไม่มี
- ฝัง ‘เส้นผม’ หรืออยากให้ใส่ ‘วิก’
- ใส่ ‘เสื้อผ้า’ ชุดไหน เช่น ชุดนอนเซ็กซี่, ชุดชั้นใน, ชุดเดรส, ชุดนักเรียน, ชุดพนักงานออฟฟิศ
หัวใจสำคัญคือออกแบบตุ๊กตายางอย่างไรให้คล้ายคนจริง ๆ
สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบก็คือบางบริษัทจะทำตุ๊กตายางแบบ Customized ได้ถึงขนาดที่ลูกค้าสามารถส่งรูปตัวอย่างของบุคคลเพื่อเป็น Reference ว่าอยากได้แนวไหน ซึ่งสุดท้ายจะได้เป็นตุ๊กตายางที่มีตัวเดียวในโลกไม่ซ้ำกับใคร โดยมีวิธีการสั่งทำที่น่าสนใจ ลองมาดูขั้นตอนการสั่งทำของบริษัทแห่งหนึ่งกัน
- ส่งภาพหรือวิดีโอของบุคคลที่อยากใช้เป็นต้นแบบ หากมีภาพหรือวิดีโอจากหลาย ๆ มุมจะช่วยให้ผลิตออกมาได้ใกล้เคียงแบบที่ต้องการมากที่สุด
- ถ้ามีข้อมูลอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก หรือสัดส่วนของต้นแบบก็สามารถแจ้งกับทางบริษัท เพื่อให้ได้ขนาดที่สมจริง
- หลังจากประเมินข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ทางบริษัทจะแจ้งลูกค้าตามตรงว่าสามารถผลิตออกมาได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
- ทางบริษัทจะเริ่มผลิตส่วนศีรษะและใบหน้าของตุ๊กตายางแล้วส่งให้ลูกค้าดูก่อน โดยลูกค้าต้องชำระค่ามัดจำ 40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
- ถ้าลูกค้าพอใจ ทางบริษัทจะเริ่มผลิตส่วนร่างกาย โดยลูกค้าต้องชำระเงินเพิ่มอีก 40%
- เมื่อตุ๊กตายางเสร็จสมบูรณ์ ทางลูกค้าต้องชำระเงินเพิ่มเติมอีก 20% เพื่อให้ทางบริษัทส่งสินค้าไปให้ถึงบ้าน
ส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในการผลิตตุ๊กตายาง
เมื่อพูดถึงองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้คือตัววัสดุที่ใช้ทำตุ๊กตายาง แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือ ‘ซิลิโคน’ และ ‘เทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์’ ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
มาเริ่มดูจากซิลิโคนที่เราคุ้นเคยกันก่อน
ข้อดีของตุ๊กตายางที่ทำจากซิลิโคนคือ
- มีความทนทาน ใช้งานได้นาน
- ทนความร้อนได้ถึง 100 องศา
- มีกลิ่นน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ไวต่อกลิ่น
- โดนน้ำได้ สำหรับผู้ที่อยากอาบน้ำกับตุ๊กตายาง
ด้วยประสิทธิภาพสูงเช่นนี้จึงทำให้ตุ๊กตายางที่ทำจากซิลิโคนมีราคาสูง หลายคนจึงลองเปิดใจใช้ตุ๊กตายางที่ทำจาก ‘เทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์’ (TPE) ที่มีราคาต่ำกว่าแทน เพราะตุ๊กตายางที่ทำจาก TPE ให้สัมผัสที่อ่อนนุ่มเหมือนผิวหนังของคนมากขึ้น
แต่ด้วยผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่มนี้ก็ทำให้ตุ๊กตายางที่ทำจาก TPE พังได้ง่ายกว่า อย่างถ้าใช้ไปเรื่อย ๆ จะมีน้ำมันซึมออกมาจากผิวของตุ๊กตายางเรียกว่า Oil-bleeding ซึ่งมีผู้ที่ชอบสิ่งนี้เช่นกัน เพราะทำให้ตุ๊กตามีความเงางาม
ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ฉีกขาดหรือมีฝุ่นเกาะได้ง่ายกว่าด้วยเนื้อสัมผัสที่เหนียวหนืดนุ่ม เลยทำความสะอาดยากขึ้น วิธีแก้ไขคือควรทาแป้งเด็กสำหรับตุ๊กตายางอยู่เป็นประจำ ทำให้ฝุ่นเกาะน้อยลง
นอกจากแป้งเด็กที่ทำจากแป้งข้าวโพดแล้วยังมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ลูกค้ามักซื้อร่วมกับตุ๊กตายางด้วย เช่น
- ‘เครื่องล้างช่องคลอด’ สำหรับตุ๊กตายาง โดยใช้สบู่ที่ปราศจากแอลกอฮอล์แล้วรอให้แห้ง
- ‘ลิปสติก’ สำหรับตุ๊กตายางโดยเฉพาะ ไม่สามารถใช้ลิปสติกทั่วไป เนื่องจากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และสารเคมี ทำให้ผิวของตุ๊กตายางเสียหายได้
ทำไมตุ๊กตายางถึงเคลื่อนไหวท่าทางได้ไม่ต่างจากคน
อีกสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้ตุ๊กตายางเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ก็คือ ‘ข้อต่อ’ นั่นเอง ซึ่งเวลาสั่งทำเราสามารถกำหนดได้ว่าอยากให้ตุ๊กตามีข้อต่อปกติ แน่น หรือหลวม อย่างถ้าข้อต่อแน่นตัวตุ๊กตาจะเคลื่อนไหวได้ไม่มาก ส่วนถ้าข้อต่อหลวมจะเคลื่อนไหวได้คล้ายคนปกติมากกว่า
โดยทั่วไปจะใช้ ‘โลหะผสม’ น้ำหนักเบาในการขึ้นโครงของตุ๊กตายางทั้งบริเวณศีรษะ ใบหน้า และลำตัว ซึ่งภายหลังได้มีการใช้โครงกระดูกแบบอัปเกรด เรียกว่า EVO เพื่อช่วยให้ใช้งานตุ๊กตายางได้หลากหลายท่าทาง เช่น ท่าไขว่ห้าง ท่านั่งรูปตัว M ท่านั่งรูปตัว W
ซึ่งโครงกระดูกแบบ EVO แตกต่างจากโครงกระดูกทั่วไปตรงที่ตุ๊กตายางจากโครงกระดูกทั่วไปจะไม่สามารถขยับบริเวณช่วงไหล่และช่วงคอ แต่โครงกระดูกแบบ EVO จะช่วยให้ตุ๊กตายางเอียงคอไปด้านซ้ายหรือขวาได้ อีกทั้งยังช่วยให้การเคลื่อนไหวบริเวณลำตัวและสะโพกเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างบริษัทผลิตตุ๊กตายางที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น
จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ Love Doll Text พบว่า บริษัทผลิตตุ๊กตายางที่ได้รับความนิยมเป็นสามอันดับแรกในญี่ปุ่นคือ
อันดับ 1 บริษัท Orient Industry
มุ่งผลิตตุ๊กตายางที่ให้ความอบอุ่นใจมากกว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว
อันดับ 2 บริษัท 4woods
เน้นการผลิตตุ๊กตายางที่มีอวัยวะส่วนต่าง ๆ เหมือนกับคนจริง ๆ
อันดับที่ 3 Project Level-D
มีจุดเด่นที่ตุ๊กตายางส่วนใหญ่จะเป็นคาแรคเตอร์ของสาววัยรุ่น
ซึ่งปกติแล้วตุ๊กตายางที่ผลิตในญี่ปุ่นและในต่างประเทศจะมีราคาแตกต่างกัน โดยตุ๊กตายางที่ผลิตในญี่ปุ่นจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 660,000 เยน และตุ๊กตายางที่ผลิตในต่างประเทศจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 เยน ตีเป็นตัวเลขง่าย ๆ คือตุ๊กตายางที่ผลิตในญี่ปุ่นจะมีราคาสูงกว่าตุ๊กตายางที่ผลิตในต่างประเทศถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก jpsexysexdoll 1, 2, 3, 4, 5, lovedollspace, mailovedolljp, lovemodeljp, karendoll, lovedolltext
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา