โดยพิชญา แขวงสุคนธ์ทิพย์ และปาริชาติ โชคเกิด
ช่วงโควิดระบาดถือเป็นช่วงวัดใจแม่ค้า พ่อค้าจำนวนมาก ใครสายป่านยิ่งยาวยิ่งได้เปรียบ เพราะร้านค้าต้องสูญเงินค่าเช่าที่ค่อนข้างสูง แม้จะลดราคาลงมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับยอดขายที่แทบไม่มีไปจนถึงขายไม่ได้เพราะร้านปิด ลูกค้าเข้าประเทศไม่ได้ถือว่าอยู่ในช่วงยากลำบากมาก ตอนนี้ไทยเปิดประเทศเต็มที่ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลากหลาย ทำให้รายได้ฟื้นตัวขึ้นมากแม้จะไม่เท่าเดิมก็ตาม
สำรวจตลาดย่านศูนย์การค้า Platinum ศูนย์รวมลูกค้าชาวต่างชาติ หลังเปิดประเทศ ลูกค้ากลับมาคึกคักมากขึ้น ยอดขายเริ่มกลับมาเกือบ 100% สินค้าที่ขายได้ดีมักเป็นสินค้าที่โดดเด่น คู่แข่งน้อย และไม่ใช่สินค้าจำเป็นต่อการใช้ชีวิตมากนัก มาดูกันว่า สินค้าที่ว่า มีอะไรบ้าง??
ร้านเครื่องประดับ บริเวณชั้น 5 แถวบันไดเลื่อน
ผู้จัดการร้านเล่าว่า ร้านเปิดมา 10 กว่าปีแล้วพร้อมๆ กับที่ห้างเริ่มเปิด ช่วงโควิดค่อนข้างเงียบ ลูกค้าไม่คึกคัก หลังจากเปิดประเทศ ลูกค้าเข้ามาเกือบ 100% แล้ว ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติ ช่วงประเทศเริ่มเปิดแรกๆ ลูกค้าอยู่ที่ราว 60-70% หลังจากปีที่แล้วลูกค้าก็เริ่มเต็ม
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านคือชาวอินโดนีเซียและอินเดีย สินค้าที่ชอบซื้อมีหลากหลายประเภท มีทั้งแหวน สร้อย ต่างหู ทางร้านขายเฉพาะหน้าร้านอย่างเดียว ไม่ได้ขายออนไลน์ด้วย ลูกค้ามีทั้งปลีกและส่ง ส่วนใหญ่มาซื้อปลีก ขายส่งยังไม่เยอะมากเพราะเพิ่งผ่านโควิดมาอาจจะเจ็บตัวและยังไม่ฟื้นบ้าง ลูกค้าบางประเทศยังไม่กลับมาเท่าไร
ลูกค้าปลีกคือต่างประเทศ 90% คนไทยก็มีมาซื้อบ้างแต่ไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าคือต่างชาติอยู่แล้ว ช่วงโควิดก็ปิดร้านตามที่รัฐบาลกำหนดบ้าง ช่วงที่เปิดร้านก็ต้องลุ้นว่าจะมีลูกค้าเข้าบ้างหรือไม่ ตอนนี้ก็เปิดร้าน 10.000น. ถึง 20.00น.
ร้านแว่น เครื่องประดับ ชั้น 1 แถวบันไดเลื่อน
พ่อค้าเล่าว่า เปิดร้านขายสินค้าที่นี่มาประมาณ 8 ปีแล้ว มีร้าน 2 สาขา มีทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ของแพลทินัม ช่วงนี้มีคนเยอะขึ้นแต่ลูกค้ายังไม่ซื้อของมากเท่ากับช่วงก่อนโควิด ยอดขายกลับมาได้ประมาณ 60% แล้ว มีทั้งช่วงที่ขายดีบ้างและลูกค้าเงียบๆ บ้าง แล้วแต่ช่วง ถ้าเทศกาลลูกค้าก็ค่อนข้างเยอะ
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ มีทั้งชาวอินเดีย อาหรับ จีน สิงคโปร์ที่มักจะซื้อกลับไปเป็นของฝาก โดยเฉพาะแว่น ในช่วงโควิดขาดทุนทุกวัน มีปิดหน้าร้านและหันไปทำออนไลน์แทนบ้าง ได้รายได้ค่อนข้างดี แต่เสียค่าโฆษณาเยอะก็เลยกลับมาเปิดร้านหลังเปิดประเทศ ขายได้ราว 100 กว่าชิ้น หรือประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อวัน ส่วนช่วงก่อนโควิดมีขายได้ 50,000 บาทขึ้นไป ช่วงที่ขายได้สูงสุดประมาณ 70,000 บาทต่อวัน
ร้านขายเสื้อเชิ้ต
น้องชายเจ้าของร้านเล่าว่า ลูกค้าเข้าร้านเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นคนสิงคโปร์ มาเลเซีย คนไทยก็มีเข้าร้านมาบ้าง ส่วนมากเป็นลูกค้าแบบซื้อปลีก ซื้อครั้งละ 2-3 ตัว ไซส์ S ประมาณ 320 บาทขึ้นไป ซื้อ 2 ตัวอยู่ที่ตัวละ 280 บาท แล้วแต่ไซส์ ไซส์หนึ่งจะราคาต่างกันประมาณ 20 บาท
ร้านเปิดมา 10 กว่าปีแล้ว ช่วงโควิดก็ปิดร้านตามที่ห้างปิด ร้านก็ขายออนไลน์ไป แต่ยอดขายไม่เท่าหน้าร้านตอนช่วงปกติ ช่วงที่ขายออนไลน์ก็มีฐานลูกค้าเก่าบ้าง ส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อส่งคือลูกค้าไทยมารับไปขายอีกที แต่หน้าร้านมักจะเป็นต่างชาติ 90% ช่วงนี้ก็ถือว่ากลับมาดี เกือบ 100% แล้ว ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อได้ราว 3-4 เดือน วันหนึ่งขายได้ประมาณ 40-50 ตัว ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อเชิ้ตสำหรับทำงาน ขายดีเกือบทุกไซส์ มีถึงขนาด 9XL
ร้านอโรมา
เปิดมา 1 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีหลากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย สินค้าที่ขายได้ดีคือพวกอโรมา กลิ่น Autumn ขายเริ่มต้นอยู่ที่ 4 ขวด 100 บาท
ร้านชุดเดรสประดับเลื่อม ชุดออกงาน
พนักงานหน้าร้านเล่าว่า ทำงานอยู่ที่นี่มาปีกว่าแล้ว อยู่ตั้งแต่ยังไม่เปิดประเทศ ช่วงปีกว่าที่ผ่านมาถือว่าขายดี หลังจากนั้นก็ขายดีเรื่อยๆ ขายได้ประมาณ 10 กว่าตัว ตัวละประมาณ 1,600-1,800 บาทขึ้นไป มีทั้งลูกค้าต่างชาติและคนไทย สัดส่วนคนไทยมากกว่า
ชุดเสื้อผ้าแนวนี้คนมักจะซื้อไปงานเลี้ยง งานรับรางวัล มีขายอย่างเดียวไม่มีให้เช่า เปิดขายออนไลน์ด้วย เคยมีคนกัมพูชามาไลฟ์ขายที่หน้าร้านและซื้อไปขายให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อในไลฟ์ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นผู้หญิง มีทั้งคนจีน คนกัมพูชา คนอินเดีย ฯลฯ เท่าที่ขายมาก็ขายทุกแบบ ลูกค้ามักจะซื้อไปงานแต่ง งานเลี้ยง เมื่อก่อนขายดีกว่านี้ สามารถลองเสื้อผ้าก่อนซื้อได้ ไซส์ที่ขายดีคือไซส์ S, M มีหมดทุกไซส์ S, M, L และมีหลายสี
ร้านวิกผม
วิกผมในร้านราคาประมาณ 700 บาท มีทั้งแบบไหมสังเคราะห์และทำจากผมจริง ผมจริงจะมีราคาสูงกว่า เปิดร้านมาปีกว่าแล้ว เคยมีร้านอยู่แถวราชปรารภแต่เข้ามาเปิดร้านที่นี่เพราะช่วงนั้นค่าเช่าถูกเพราะลดค่าเช่าช่วงโควิด ขายดีทั้งวิกผมแท้และผมสังเคราะห์แต่ลูกค้าทั่วไปจะนิยมสังเคราะห์มากกว่า ส่วนกลุ่มที่ซื้อวิกผมแท้มักจะเป็นผู้ป่วย ในภาพรวมวิกผมที่ทำจากไหมสังเคราะห์ขายดีกว่า
ช่วงนี้ขายพอได้ ช่วงแรก ๆ เงียบ แต่หลังจากเปิดประเทศก็พอมีลูกค้า ลูกค้าประจำเป็นคนสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม มีทั้งแบบซื้อใส่เองและซื้อไปขายต่อ แล้วก็มีลูกค้าขอมาไลฟ์สดซึ่งเป็นเวียดนามที่นำไปขายต่อ ส่วนคนไทยมักจะซื้อไปใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า ปัจจุบันมีเพจออนไลน์ด้วย มีหน้าร้านแถววอเตอร์เกต ราชปรารถ รายได้มีเรื่อย ๆ แล้วแต่วัน
ร้านหมวก
ร้านเปิดมาประมาณ 10 ปีแล้ว ช่วงโควิดจำเป็นต้องปิดร้านและไม่ได้มีขายออนไลน์ ยอดขายยังไม่เหมือนเดิมแต่คนเดินเริ่มเยอะขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนจีน หมวกแบบที่ขายได้ก็คละๆ กันไป ขายได้ประมาณ 50-60 ใบต่อวัน จากช่วงก่อนโควิดที่ขายได้เกิน 100 ใบเพราะเน้นขายส่งเป็นหลัก ช่วงนี้ขายส่งได้ไม่ดีเหมือนเดิมเพราะลูกค้าที่มารับซื้อไปขายต่อ ไม่มากแบบเมื่อก่อน
ร้านกระเป๋าหนัง
เริ่มต้นราคาใบละ 1,000 กว่าบาท มี 2 ร้าน เปิดมาราว 10 ปีแล้ว ร้านขายพอได้แต่ยังไม่กลับมาเหมือนเมื่อก่อนขายได้ราว 70% ลูกค้าส่วนมากเป็นลูกค้าต่างประเทศอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ แทบไม่มีลูกค้าคนไทยหรือฝั่งตะวันตกเลย ตอนเปิดประเทศใหม่ๆ ขายได้ แต่ช่วงนี้ลูกค้าไม่ค่อยมีกำลังซื้อ ลูกค้ามาเยอะแต่กำลังซื้อยังมีไม่มาก
ที่ร้านมีทั้งขายปลีกและขายส่ง แต่ขายปลีกดีกว่า ช่วงโควิดไม่สามารถขายออนไลน์ได้เพราะราคากระเป๋าค่อนข้างสูง ถือว่าเป็นช่วงที่จำเป็นต้องปิดร้านและอดทนอยู่ไป ที่นี่มีลดค่าเช่าที่ให้บ้างแต่ไม่ได้มากและทำสัญญาให้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ส่วนค่าที่ก็มีการปรับขึ้นตลอดและขยายระยะเวลาสัญญาขึ้นเรื่อย ๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา