30 ปี Sealect ทูน่ากระป๋องเบอร์ 1 ของไทย กับเป้าหมายจูงใจคนไทยกินทูน่า ปั้นยอดขาย 900 ล้านบาท

Sealect คือแบรนด์ทูน่ากระป๋องที่อยู่คู่คนไทยมา 30 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายวิกฤติ และถึงคนไทยจะไม่นิยมรับประทานปลาทูน่าเป็นประจำ แต่บริษัทเตรียมกระตุ้นเรื่องนี้ด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมแผนการตลาดที่แตกต่าง เพื่อปั้นยอดขายจาก 600 ล้านบาทในปีล่าสุด สู่ 900 ล้านบาทภายในปี 2025

Sealect

30 ปี ที่เป็นผู้นำ และปั้นตลาดให้เติบโต

บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เปิดตัวแบรนด์ Sealect เมื่อปี 1992 ผ่านการนำสินค้าปลาทูน่าที่ผลิตเพื่อส่งออกมาบรรจุกระป๋อง และจำหน่ายในประเทศไทย โดยที่มาของชื่อ Sealect มาจากคำว่า คัดสรร ในภาษาไทย เพราะทางทีมผู้บริหารต้องการสื่อถึงสินค้าที่ได้รับการคัดสรรเป็นอย่างดี

ศรัณย์ รัตนรุ่งเรืองชัย ผู้จัดการทั่วไป บริหารกลุ่มตลาดเกิดใหม่ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เล่าให้ฟังว่า ในช่วงแรกที่ทำตลาดแบรนด์ Sealect ผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะเป็นสินค้าที่ใหม่ในตลาดไทย แต่ด้วยความคุ้นเคยของคนไทยที่เน้นรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์อื่นมากกว่าปลาทูน่า ทำให้ตลาดนี้ค่อย ๆ เติบโต ไม่ได้หวือหวานัก

ในปี 2022 ภาพรวมตลาดปลาทูน่ากระป๋องอ้างอิงข้อมูลบริษัทสำรวจนีลเส็นที่คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดจะอยู่ราว 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 5-6% มาจากการจำหน่ายกับลูกค้าทั่วไป 70% กับจำหน่ายไปที่ร้านอาหาร หรือสถานบริการ 30% โดย Sealect เป็นแบรนด์อันดับ 1 ผ่านสัดส่วน 58% หรือราว 600 ล้านบาท

กระตุ้นยอดขายให้เติบโตด้วย โดราเอมอน

เพื่อคงสัดส่วนการเป็นผู้นำ และสร้างยอดขายให้เติบโต Sealect เตรียมอัดงบการตลาดผ่านการประชาสัมพันธ์ เช่น การสนับสนุนวอลเลย์บอลทีมชาติไทย รวมถึงการปรับภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงง่ายขึ้นด้วยการใส่ตัวการ์ตูน โดราเอมอน เข้าไป

“ปี 2021 เราก็ใช้โดราเอมอนมาช่วย วางแคมเปญนี้ระยะเวลา 3 เดือน แต่สุดท้ายสินค้าหมดภายใน 1 เดือน และช่วยดันยอดขายเพิ่มถึง 30% จากช่วงเวลาปกติ ปี 2022 เราจึงทำอีกครั้ง และหวังว่าจะเพิ่มยอดขายได้ 50% จากช่วงเวลาปกติ”

ศรัณย์ เสริมว่า Sealect ไม่มีแผนปรับราคาสินค้าขึ้น แม้ปัจจุบันต้นทุนค่าจัดจัด และราคาปลาทูน่ายังมีราคาสูงหลังจากโรคโควิด-19 ระบาด และภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยสินค้ากลุ่มโดอาเรมอนจะจำหน่ายในราคา 52 บาท วางตำแหน่งเป็นสินค้าพรีเมียม ส่วนแบรนด์ Sealect Fitt ที่เป็นสินค้ากลุ่มอีโคโนมี จะปรับราคาขึ้น 3%

ส่งสินค้าใส่คอลลาเจน ปั้นยอดขายสู่ 900 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน Sealect เตรียมทำตลาดสินค้าใหม่คือ ปลาทูน่ากระป๋องใส่คอลลาเจน เริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2022 ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า และช่วยเพิ่มยอดขายในระยะยาวที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 900 ล้านบาทภายในปี 2025 ได้

“ยอมรับว่ารายได้ปีนี้คงโต 5-6% ไม่ได้เติบโตหวือหวา ไม่เหมือนกับปี 2021 ที่เติบโตกว่า 10% เพราะตอนนั้นการระบาดของโรคโควิด-19 ค่อนข้างหนัก ทำให้เกิดการซื้ออาหารกระป๋องไปรับประทาน โดยหลัก ๆ Select ยังจำหน่ายทูน่ากระป๋องพร้อมปรุง (RTC) 75% ส่วนพร้อมทาน (RTE) จะกินสัดส่วน 25%”

ทั้งนี้ภาพรวมยอดขาย 900 ล้านบาทภายในปี 2025 บริษัทจะปรับสัดส่วนยอดขายกลุ่ม RTC และ RTE ให้เท่ากัน ผ่านการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อพัฒนาทูน่าเป็นอาหารหลากหลาย เช่น การร่วมมือกับร้านอาฟเตอร์ยัม เป็นต้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นซองมากขึ้นเพื่อให้พกพาสะดวก ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติ

เตรียมบุกตลาดเวียดนาม บาทอ่อนไม่กระทบเยอะ

ในทางกลับกัน Sealect เตรียมบุกไปจำหน่ายในตลาดเวียดนามเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในตลาด CLMV โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากพื้นที่ดังกล่าวคิดเป็น 5% จากทั้งหมด และล่าสุดได้มีการชะลอทำตลาดในเมียนมา เพราะติดปัญหาสถานการณ์ประเทศที่ยังไม่มีความแน่นอน

“CLMV และไทยยังมีโอกาสอีกมาก เพราะคนในพื้นที่ดังกล่าวรับประทานโปรตีนจากเนื้อไก่ 24 กก./คน/ปี แต่กินโปรตีนจากปลาทูน่าแค่ 50 ก./คน/ปี ต่างกับคนยุโรปที่กินโปรจีนจากไก่ 30 กก./คน/ปี และโปรตีนจากปลาทูน่า 1.25 กก./คน/ปี ซึ่ง Sealect ต้องการทำให้สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นให้ได้”

สำหรับปัจจัยลบในตลาดโลก ศรัณย์ ย้ำว่า เรื่องค่าเงินบาทอ่อนไม่ได้กระทบหนัก แม้ทางกลุ่มต้องนำเข้าปลาทูน่า แต่สุดท้ายก็ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศ ส่วนเรื่องการขึ้นค่าแรง ปัจจุบันบริษัทจ่ายต่อคน 400-500 บาท ซึ่งมากกว่าอัตราที่ปรับขึ้นอยู่แล้ว ที่มีปัญหาจริง ๆ คือค่าเหล็กที่ปรับตัวเกือบ 40% และปลาที่ขึ้น 20%

สรุป

ปลาทูน่านั้นคนไทยไม่คุ้นจริง ๆ และมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเนื้อไก่ หรือเนื้อหมู ดังนั้นเป้าหมายที่ Sealect และ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ตั้งไว้จึงค่อนข้างท้าทาย แต่ก็น่าสนใจว่าหากเปลี่ยนใจคนไทยได้จริง ภาพรวมอาหารไทยน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน เพราะปัจจุบันแทบไม่มีร้านไหนใช้ปลาทูน่ามาประกอบอาหาร

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา