เป็นที่รู้กันว่า สิทธิโชค นพชินบุตร CMO แห่ง dtac มีกำหนดการที่จะมาเล่าถึง ไดอารี่ 50 วันภายใต้การทำงานของ dtac ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากรับตำแหน่ง (ก่อนหน้านี้เจอในงานเปิดตัว dtac prepaid ยังไม่นับเป็นการเปิดตัว) ได้มีโอกาสได้นั่งจับเข่าคุยกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ อาจจะเรียกว่าเป็น น้ำจิ้ม ก่อนถึง เมนคอร์ส ก็ว่าได้
สิทธิโชค ถือว่าเป็นแม่ทัพการตลาดของดีแทคในตำแหน่ง CMO ที่เป็นคนไทย ซึ่งต้องบอกว่า ผู้บริหารด้านการตลาดของดีแทคเป็นคนต่างชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความสามารถแต่อาจจะยังไม่เข้าถึง Insight ลึกๆ ของคนไทย ที่มีความแปลกกว่าตลาดอื่นๆ และการจะหาคนไทยที่ทำหน้าที่ได้ดี ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการที่ สิทธิโชค ได้มาทำหน้าที่นี้ ก็ต้องยอมรับว่า เป็นงานหนักและมีความคาดหวังไม่น้อย
DNA คือ คน ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
แม่ทัพการตลาดของดีแทค ได้บอกเล่าว่า การเข้ามาทำงานกับดีแทคสิ่งที่พบได้ตั้งแต่วันแรกคือ Passion ของคนดีแทค ที่ต้องการสร้างสรรค์บริการที่ดีจริงๆ ดีแทคเหลือสัญญาสัมปทานอีก 2 ปีจะหมดอายุ (ปี2561) แต่ดีแทคยังคงลงทุนโครงข่ายต่อเนื่อง (ทั้งส่วนสัญญาสัมปทาน และส่วนของใบอนุญาต) เท่ากับว่าถ้าลงทุนภายใต้สัญญาสัมปทาน เมื่อหมดอายุก็ต้องยกให้บริษัท กสท โทรคมนาคม นำไปบริหารจัดการต่อ ไม่มีสิทธิ์ใช้ ซึ่งระยะเวลา 2 ปี ไม่มีทางคุ้มกับการลงทุนแน่นอน
แต่ดีแทคลงทุน เพราะต้องการให้บริการที่ดีที่สุดกับผู้บริโภค ถือเป็น DNA ของคนในดีแทคอย่างแท้จริง
ขณะที่คนภายนอก ก็คือ ลูกค้าผู้ใช้บริการ ซึ่งดีแทค ก็ถือเป็น DNA เช่นกัน แปลว่า ดีแทค ต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดี และด้วยนโยบายจาก Telenor ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในด้าน corporate governance ที่จะไม่มีเรื่องใต้โต๊ะ 100% ทำให้ ดีแทค เป็นต้นแบบให้กับองค์กรในไทย และเป็นการสร้างสังคมที่ดี ทั้งหมดคือสิ่งที่เรียกว่า DNA ของดีแทค ที่จะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
dtac แบรนด์เดียวชัดเจน
ย้อนกลับไปเดือนแรก สิทธิโชค เข้ามาทำงานก็เจอกับงานแถลง dtac prepaid ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งถือว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ใช้บริการ โดยมีลูกค้าหลักแสนรายต่อเดือน ซึ่งการเปิดตัว dtac prepaid มีส่วนช่วยทำให้ Branding ของดีแทค มีความชัดเจนมากขึ้น
เมื่อถามถึงกลยุทธ์การสร้าง Brand สิทธิโชค บอกว่า ดีแทคมี Brand เดียว คือคำว่า dtac ที่เป็นสีน้ำเงิน นี่คือสิ่งที่ต้องการจะสื่อให้กับผู้บริโภคได้รู้ ส่วน happy ถือว่าเป็น Product ที่สำคัญที่สะท้อนความ happy และ friendly ออกมา และคนสามารถเข้าถึงได้ นี่คือความแข็งแกร่งของตลาดพรีเพดของดีแทค
ขณะที่ตลาดโพสต์เพด ช่วงที่ผ่านมาก็สามารถทำตลาดได้ดี ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 4 ล้านราย และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 5 ล้านราย
นี่เป็นเพียงการจับเข่าคุยกันสั้นๆ เท่านั้น อดใจรออีกนิดแล้วมาดูกันว่า สิทธิโชค นพชินบุตร จะสร้างเดินเกมการตลาดของดีแทคอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม…
Credit Image: Facebook ของคุณสิทธิโชค
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา