บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ บ้านปู แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า บริษัท BKV Corporation (BKV) บริษัทย่อยที่บ้านปูถือหุ้น 96.12% ลงนามสัญญาซื้อขายเพื่อเข้าซื้อแหล่งก๊าซธรรมชาติรวมทั้งธุรกิจกลางน้ำบริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในสหรัฐอเมริกาจากบริษัท XTO Energy, Inc. and Barnett Gathering LLC (XTO) บริษัทย่อยของ Exxon Mobil Corporation
มูลค่าการลงทุนกว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 25,125 ล้านบาท มูลค่าผลประโยชน์แก่ผู้ชายในอนาคตรวมไม่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินลงทุนสำหรับโครงการนี้มาจากกระแสเงินสดของบริษัทและการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน การลงทุนดังกล่าวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในมิถุนายน 2565
สินทรัพย์ดังกล่าวเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ มีความเสี่ยงต่ำในการผลิต เนื่องจากพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและระบบการขนส่ง บริษัทเป็นผู้ดำเนินการผลิตเองรวมทั้งบริหารจัดการขั้นตอนการอัดก๊าซธรรมชาติครอบคลุมระบบท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญในบริเวณรัฐชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ รายละเอียด ดังนี้
- ครอบคลุมพื้นที่การผลิตก๊าซธรรมชาติราว 160,000 เอเคอร์ในบริเวณใจกลางของแกล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ มีผลประโยชน์ในหลุมผลิตคิดเป็น 93% ของจำนวนหลุมผลิตทั้งหมดกว่า 2,100 หลุมโดยเป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง
- เป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนการอัดก๊าซธรรมชาติ บริหารจัดการระบบท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ ครอบคลุมระยะทาง 750 ไมล์ มีสถานีอัดก๊าซธรรมชาติ จำนวนมากกว่า 20 สถานี สามารถเข้าถึงตลาดที่มีความต้องการก๊าซธรรมชาติที่สำคัญ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับไว้แล้ว รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติเหลว (NGL)
- ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติ คิดตามสัดส่วนการลงทุนประมาณ 225 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน มีอัตราการลดลงของการผลิตที่ต่ำ สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง
การลงทุนดังกล่าวทำให้การผลิตรวมของธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาของบ้านปูเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเป็น 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ 1P จากปัจจุบันประมาณ 4.4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต เป็นประมาณ 5.8 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต สามารถสร้างพลังร่วม (synergy) กับแหล่งผลิตเดิมที่มีอยู่และสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อการเติบโตระยะยาว
การลงทุนนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบ้านปู ในการเร่งเดินหน้าเปลี่ยนผ่านธุรกิจ ขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานมากขึ้น ยกระดับ Antifragile ในทุกกลุ่มธุรกิจ
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) สร้างกำไรได้มากถึง 311 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 10,264 ล้านบาท) รายได้จากการขายรวม 1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ (41,509 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 520 ล้านเหรียญสหรัฐ (19,247 ล้านบาท) คิดเป็น 71% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน ปีก่อนหน้า
สำหรับแผนเดินหน้าสร้างการเติบโต 3 กลุ่มธุรกิจหลัก มีดังนี้
- กลุ่มธุรกิจพลังงาน ทางด้านธุรกิจเหมืองยังคงรักษากำลังการผลิตและปริมาณสำรองที่ดีเพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการในตลาดและคว้าโอกาสที่จะสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ
- ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คว้าโอกาสจากสถานการณ์ราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นและมองหาการลงทุนจากแหล่งก๊าซต้นน้ำไปยังธุรกิจกลางน้ำ มุ่งเน้นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป เน้นสร้างประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า
- ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีการขยายการลทุนในตลาดกลยุทธ์สำคัญที่มีศักยภาพการเติบโจที่ดีอย่างต่อเนื่อง
- ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ยังคงเน้นการสร้างอัตราการเติบโตให้พอร์ตเทคโนโลยีพลังงานที่มีอยู่ รวมทั้งลงทุนและพัฒนาโซลูชั่นหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานรูปแบบใหม่และเสริมสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างพลังงานร่วมระหว่างธุรกิจที่มีอยู่กับธุรกิจใหม่ๆ
บ้านปูเปิดแผน 5 ปี 2021-2025: มุ่งเป้าผลิตพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา