Burnout หรืออาการหมดไฟคืออีกหนึ่งปัญหาทางสุขภาพจิตที่คนทำงานยุคนี้เคยสัมผัสกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย หลายคนพยายามหาทางออกเพื่อแก้ปัญหา ทั้งพักงาน ลางาน ไปจนถึงลาออกก็ยังพบว่า หลายรายที่แก้อาการหมดไฟไม่หาย อาจต้องพักยาวเป็นเวลานานขึ้น หรือหันไปหาแรงบันดาลใจอื่นๆ ทำ อย่างไรก็ดี เบื้องต้นมีกลุ่มคนไอที 84 คนจากบริษัท Buffer พบข้อพิสูจน์แล้วว่า การลดชั่วโมงการทำงานและลดระยะเวลาการทำงานต่อสัปดาห์ลง ช่วยลดอาการ burnout ได้
บริษัท Buffer มีทีมอยู่ราว 85 คน ทำงานอยู่ใน 15 ประเทศ มีลูกค้าทั่วโลกประมาณ 73,000 ราย เช่น Business Insider, GitHub, Shopify, Microsoft, Besecamp และ The Seattle Times เป็นต้น Buffer คือบริษัทที่ทำหน้าที่ช่วยสร้างแบรนด์ให้ลูกค้า รวมทั้งทำให้ธุรกิจลูกค้าเติบโตผ่านโซเชียลมีเดีย พวกเขาได้ทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในช่วงพฤษภาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา และได้ใช้เวลาทำเช่นนั้นยาวนานจวบจนปัจจุบัน
บริษัทพยายามหาวิธีแก้ปัญหาอาการหมดไฟของพนักงาน ด้วยการลดวันทำงาน
การลดเวลาทำงานต่อสัปดาห์นั้น สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ ความท้าทายที่ต้องเผชิญเมื่อพวกเขาลดระยะเวลาการทำงานลงก็คือ มันทำให้พนักงานมีความสัมพันธ์กันน้อยลง มีความรู้สึกเกี่ยวพันกับงานน้อยลง แถมวัฒนธรรมองค์กรที่เคยมีมาก็จางหายเพราะผู้คนไม่ได้อยู่ร่วมกันเหมือนเก่าก่อน ยิ่งยุคก่อนหน้าที่ชอบความสัมพันธ์แบบเปิดในออฟฟิศที่รีเควสให้พนักงานต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับกิจกรรมออฟฟิศทุกสิ่งอย่างก็เบาบางลง แต่มันก็ไม่ได้มีเฉพาะข้อเสียเท่านั้น มันยังมีข้อดีด้วย ข้อดีที่ค้นพบก็คือ มันช่วยลดอาการ burnout และทำให้คนทำงานมี productive มากขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาได้ทำแบบสำรวจความต้องการของพนักงานในช่วงที่เกิดโรคระบาดตั้งแต่แรกเริ่ม จนทำให้บริษัทต้องปรับเวลาการทำงานลดลงตั้งแต่ต้นปี 2020 เขาพยายามจะเสนอในสิ่งที่ทีมต้องการ ทั้งการพยายามส่ง iPad ไปให้ใช้ หรือการจะจ่ายค่าสมาชิก Netflix ให้ แต่แบบสำรวจสะท้อนความต้องการของพนักงานว่า พวกเขาต้องการหยุดพักและต้องการเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ผลสำรวจจาก Gallup จากกลุ่มตัวอย่างทำงานประจำจำนวน 10,364 คนพบว่า สิ่งที่สะท้อนออกมา พบว่าพนักงานที่ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ มีอาการหมดไฟน้อยกว่า มีความสุขมากกว่าคนที่ทำงาน 5 วันหรือ 6 วันต่อสัปดาห์
ความยืดหยุ่นคือเทรนด์การทำงานยุคใหม่
บริษัท Buffer ไม่ได้ทำงานแค่เพียง 4 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ชั่วโมงการทำงานยังน้อยด้วย การทำงานอยู่ที่ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือราว 8 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น สิ่งที่บริษัท Buffer ทำนอกจากลดวันทำงานแล้ว ยังลดเวลาในการทำงานด้วย ทางบริษัทได้เปรียบเทียบผลิตภาพการทำงานของพนักงานในเดือนพฤศจิกายน 2019 กับปี 2020 พบว่า พนักงานทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งบทสำรวจล่าสุดยังสะท้อนว่า พนักงานมีความสุขมากขึ้นและงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์
นอกจากทำงาน 4 วันต่อทำงานแล้ว ยังเป็นการทำงานแบบ remote work หรือเป็นการทำงานระยะไกลด้วย หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเป็นประจำทุกวัน และพนักงานยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าต้องการจะหยุดงานวันไหน ไม่จำเป็นต้องหยุดตามกันแบบที่ออฟฟิศส่วนใหญ่เลือกทำกัน
บริษัท Buffer กระจายคนทำงานให้มีอยู่ทั่วโลก มีการยกตัวอย่างวิศกรบางคนเลือกหยุดวันพุธในขณะที่หลายคนยังทำงานกันตามปกติ การหยุดงานในช่วงที่คนอื่นยังทำงานกันบางครั้งก็เกิดความไม่คล่องตัว ดังนั้น สิ่งสำคัญที่คนหยุดงานไปต้องรีบตามให้ทันก็คือวันรุ่งขึ้นจะต้องรีบตามให้ทันว่าวันที่เขาหยุดงานไป คนอื่นได้ทำงานอะไรกันไปแล้วบ้าง
ที่มา – Business Insider, Buffer
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา