“ไปรษณีย์ไทย” อาจเรียกว่าเป็นบริการขนส่งพัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มลูกค้ารายย่อยก็ได้ เพราะด้วยราคา และความครอบคลุมของพื้นที่ แต่หลังจากจะเพิ่มดีกรีขึ้นไปอีกด้วยการลงทะเบียนลูกค้า Ecommerce
ถ้าส่งเยอะ เตรียมได้สิทธิ์พิเศษ
ปกติแล้วการใช้บริการส่งพัสดุกับไปรษณีย์ไทย ผู้ส่งต้องนำบัตรประชาชนตัวจริงให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อกรอกข้อมูลว่าใครเป็นผู้ส่ง รวมถึงบางครั้งอาจถูกสอบถามว่าภายในพัสดุคืออะไร เพื่อความปลอดภัยในการขนส่ง และล่าสุดไปรษณีย์ไทยสาขาต่างๆ เริ่มมีการเก็บข้อมูลมากกว่านั้น เพราะมีการถ่ายรูปชื่อ และที่อยู่ของผู้ส่ง (ชื่อ-นามสกุล หรือชื่อร้าน) ในกรณีที่ส่งสินค้าจำนวนมากๆ
โดยชื่อเหล่านั้นจะถูกนำไปลงทะเบียนเป็นลูกค้า Ecommerce เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการยกระดับการทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้ที่มีการส่งพัสดุทีละมากๆ เช่นการอำนวยความสะดวกด้วยรถรับสินค้าตามที่อยู่ที่จ่าหน้าซอง รวมถึงการให้บริกาช่องพิเศษสำหรับการส่งพัสดุจำนวนมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการภายในสาขา
อย่างไรก็ตามการลงทะเบียนรูปแบบนี้อาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ค้าออนไลน์ที่อาจไม่ได้เสียภาษีตามระบบ เพราะเมื่อมีชื่อ และที่อยู่ รวมถึงจำนวนชิ้น และอัตราความถี่ในการส่งพัสดุ อาจเป็นการง่ายที่หน่วยงานรัฐจะเข้ามาสอบถามเรื่องการชำระภาษี แต่หลังจาก Brand Inside สอบถามไปยังไปรษณีย์ไทยได้ดวามว่า การลงทะเบียนใช้เพื่อยกระดับงานบริการเท่านั้น
สรุป
จากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงสองมุมคือ 1.ทางไปรษณีย์ไทยมีความตื่นตัวในการทำตลาดมากขึ้น เพราะปัจจุบันคู่แข่งเรื่องการส่งพัสดุรายย่อยที่เป็นเอกชนนั้นมีมาก และหากไม่ทำอะไร โอกาสที่ลูกค้าจะไปอยู่กับคู่แข่งที่ทำตลาดอย่างหนักก็มีสูง 2.การเก็บฐานข้อมูลโดยหน่วยงานภาครัฐ อาจเป็นขั้นตอนหนึ่งในการเดินหน้าเก็บภาษีออนไลน์ก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา