Apple เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์รายแรกของโลกที่มีมูลค่ากิจการ 3 ล้านล้านเหรียญ

Apple กลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์รายแรกของโลกที่มีมูลค่ากิจการ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 99 ล้านล้านบาท มากกว่า บมจ. ปตท. ที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในไทยถึง 99 เท่า

apple

Apple เป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่ากิจการเกิน 3 ล้านล้านเหรียญ

รายงานข่าวแจ้งว่า มูลค่าหุ้นของ Apple เพิ่มขึ้น 3% ทำ All-Time High ที่ 182.88 ดอลลาร์/หุ้น ขยับขึ้นจาก 182.85 ดอลลาร์/หุ้น ทำให้มูลค่ากิจการของบริษัทอยู่ที่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นไม่นานมูลค่าหุ้นขยับตัวลงมาเล็กน้อย ทำให้มูลค่ากิจการหลักปิดตลาดวันที่ 3 ม.ค. 2022 อยู่ที่ 2.99 ล้านล้านดอลลาร์

มูลค่ากิจการของ Apple ผ่านจุด 1 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ในเดือน ส.ค. 2018 และทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในเดือน ส.ค. 2020 โดยในปี 2021 มูลค่าหุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นถึง 35% ผ่านความต้องการของ iPhone รุ่นใหม่ รวมถึงบริการสมัครสมาชิกต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน ยอดขาย Apple ยังเพิ่มขึ้น 30% คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 83,000 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 3 แม้ความแตกต่างของ iPhone 13 จะไม่ได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ และมีข่าวด้านลบ เช่น การเปิดตัวระบบสแกนภาพถ่ายเพื่อหาภาพอนาจารเด็ก จนเกิดความกังวลในการตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้ด้านอื่นในอนาคต

ทั้งนี้ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่รอมีมูลค่ากิจการเกิน 3 ล้านล้านดอลลาร์ เหมือนกับ Apple เช่น Microsoft ที่ปัจจุบันมีมูลค่ากิจการราว 2.5 ล้านล้านดอลลาร์, Alphabet บริษัทแม่ของ Google มูลค่ากิจการราว 2 ล้านล้านดอลลาร์, Amazon มูลค่ากิจการราว 1.7 ล้านล้านดอลาร์ และ Tesla มูลค่ากิจการราว 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

ในประเทศไทย บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดคือ บมจ. ปตท. มีมูลค่ากิจการราว 1.08 ล้านล้านบาท รองลงมาเป็น บมจ. ท่าอากาศยานไทย มูลค่ากิจการราว 8.71 แสนล้านบาท และ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส มูลค่ากิจการราว 6.83 แสนล้านบาท

สรุป

มูลค่ากิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยียังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะนักลงทุนเชื่อในบริษัทเหล่านี้ว่าจะมีอิทธิพลกับโลกนี้แน่นอน ส่วนในประเทศไทย บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ที่ทำธุรกิจพลังงานสะอาด และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มีมูลค่ากิจการราว 3.58 แสนล้านบาท และน่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นในไทยที่อยากเติบโตได้แบบนี้บ้าง

อ้างอิง // CNN

อ่านข่าวเกี่ยวกับ Apple และบริษัทเทคโนโลยีเพิ่มเติมได้ที่นี่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา