ท่ามกลางกระแสข่าวมากมาย Uber ได้ตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่อสาธารณะ นั่นคือการแสดงงบการเงิน ผลประกอบการ ซึ่งน่าจะช่วยลดข้อกังขาของสตาร์ทอัพ Unicorn เบอร์หนึ่งของโลกนี้ได้บ้าง
ทั้งนี้ Uber ยังมีสถานะเป็นบริษัทสตาร์อัพ Private จึงไม่มีความจำเป็นต้องแสดงข้อมูลผลประกอบการต่อสาธารณะ หากแต่การแสดงข้อมูลการเงินนี้ ก็เพื่อลดข้อครหาต่างๆ และแสดงให้เห็นว่าบริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่ดี โดยทาง Uber ได้ให้ข้อมูลกับทาง Bloomberg
ข้อมูลการเงินในปี 2016 ของ Uber เป็นดังนี้
- ยอดจองรถ (เงินรวมที่ลูกค้าจ่าย) 20,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2015
- รายได้สุทธิ 6,500 ล้านดอลลาร์
- ขาดทุนสุทธิ 2,800 ล้านดอลลาร์ โดยไม่รวม Uber ในจีนที่ขายออกไป (ซึ่งคิดเป็นเงินก็เกือบแสนล้านบาท ตามที่ BrandInside เคยรายงาน)
Uber ยังแสดงตัวเลขของ Q4/2016 เทียบกับ Q3/2016 เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ยังเติบโต”
- ยอดจองรถรวม 6,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จาก Q3/2016
- รายได้สุทธิ 2,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 74%
- ขาดทุนสุทธิ 991 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.1%
สิ่งที่ Uber พยายามแสดงให้เห็นนั่นคือแม้ธุรกิจจะขาดทุนขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนเกมเผาเงิน แต่อัตราการเติบโตที่สะท้อนผ่านตัวเลขยอดจองและรายได้สุทธินั้นมีเปอร์เซ็นต์เติบโตที่สูงมากกว่าอัตราการขาดทุนมาก อย่างไรก็ตาม Uber ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล Q1/2017 ณ ตอนนี้ (ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย) เนื่องจากยังไม่ได้รายงานตัวเลขให้กับผู้ลงทุน
Uber ยังอธิบายการลงบัญชีว่าใช้หลักมาตรฐานตามปกติ โดยรายได้สุทธินั้นคิดจากสองส่วนคือบริการ Uber จะคิดรายได้หลังจากหักส่วนแบ่งให้คนขับแล้ว ส่วน UberPool นั้นคิดรายได้เต็มจำนวน
ปัจจุบัน Uber มีมูลค่ากิจการ 69,000 ล้านดอลลาร์ ให้บริการใน 75 ประเทศทั่วโลก
ที่มา: Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา