ศึกรถยนต์ไฟฟ้ายังสู้กันหนักหน่วง ล่าสุด Stellantis ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่เกิดจากการร่วมตัวของ Groupe PSA และ FCA Group ประกาศแผนลงทุน 30,000 ล้านยูโรภายในปี 2025 เพื่อทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มกำลัง
Stellantis มีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอนาคต
รายงานข่าวแจ้งว่า Stellantis ได้ประกาศลงทุน 30,000 ล้านยูโร (ราว 1.16 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025 เพื่อลงทุนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ตัวดังกล่าวค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายผู้ผลิตรายอื่น เช่น Ford ลงทุน 29,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.47 แสนล้าน) ในรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับรายละเอียดของแผนการลงทุน Stellantis ที่มีแบรนด์ Peugeot, Opel, Fiat, Jeep และ Ram อยู่ในมือ ตั้งเป้ายอดขาย 70% ในสหรัฐอเมริกา และ 40% ในยุโรป มาจากรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน รองลงมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid ซึ่งผลลัพธ์นี้จะได้เห็นภายในอีก 4 ปีข้างหน้า
และเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น Stellantis เตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 4 แบบคือ แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าขาดเล็ก, กลาง และใหญ่ ซึ่งทั้งหมดวางแบตเตอรี่ไว้ที่พื้น กับอีกแบบคือแพลตฟอร์มสำหรับรถกระบะ ที่วางแบตเตอรี่ไว้ด้านท้ายของตัวรถเป็นหลัก
ทยอยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น
จากการเพิ่มแพลตฟอร์ม Stellantis มีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น เช่นรถกระบะไฟฟ้าล้วนภายใต้แบรนด์ Ram ที่ข้อมูลเบื้องต้นวิ่งได้ 500 ไมล์หลังชาร์จเต็ม, รถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ Muscle Car ในแบรนด์ Dodge ที่จะเปิดตัวปี 2024 และคงเอกลักษณ์ทั้งดีไซน์ กับการขับขี่ไว้ใกล้เคียงรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน
ขณะเดียวกัน Stellantis ยังวางแผนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่นรถบรรทุก และรถกระบะ โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี Range Electric Paradigm Breaker ที่ทำให้การลากจูง หรือบรรทุกของหนัก ไม่กระทบกับระยะทางการวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังไม่มีรายละเอียดเชิงลึกมากนัก
แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีโรงงานที่มีประสิทธิภาพ Stellantis จะเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ 5 แห่งในอเมริกาเหนือ และกลุ่มยุโรป รวมถึงวิจัย และผลิตแบตเตอรี่แบบ Solid State ภายในปี 2026 ซึ่งแบตเตอรี่ดังกล่าวดีกว่าแบตเตอรี่แบบเดิมที่ขนาดเล็ก แต่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
เชื่อต้นทุนการครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าต่ำลง
นอกจากนี้ Stellantis ยังเชื่อว่า หลังจากการลงทุนครั้งนี้ รวมถึงต้นทุนทางเทคโนโลยีที่ปรับตัวลดลง จะทำให้ต้นทุนการครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าใกล้เคียงกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งรวมถึงเรื่องเชื้อเพลิง และประกันภัยด้วย เพราะปัจจุบันต้นทุนการครอบครองรถยนต์ไฟฟ้ายังสูงอยู่มาก
ปัจจัยทั้งหมดนี้ Stellantis ตั้งเป้าทำกำไรจากการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหลังจากนี้ โดยนอกจากต้นทุนเทคโนโลยีที่ถูกลง ยังมีปัจจัยเรื่องการควบรวมกิจการทำให้ต้นทุนบริหารจัดการลดลงเช่นกัน ถือเป็นการพลิกโฉมหนึ่งในค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ล่าช้าในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ
ปัจจุบัน Stellantis ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพียงไม่กี่รุ่น เช่น Opel ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 1 รุ่นในยุโรป ส่วน Fiat มีการนำ Fiat 500 มาจำหน่ายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และเตรียมปรับภาพลักษณ์แบรนด์เป็นขายแต่รถยนต์ไฟฟ้าด้วย และในอนาคต Jeep มีแผนสร้างรุ่นย่อยที่ไม่มีการปล่อยมลพิษให้เลือกซื้อในทุกรุ่นที่ทำตลาด
สรุป
ทั้ง FCA Group และ Groupe PSA ต่างเป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ล่าช้าในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า แต่หลังจากรวมกันเป็น Stellantis ทุกคนคงจะบอกว่าแบรนด์นี้ช้าไม่ได้อีกแล้ว เพราะจากแผนข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการบุกตลาดนี้ รวมถึงการสร้างรายได้หลักที่มาจากรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
อ้างอิง // CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา