เชื่อมสองโลกเข้าด้วยกันต้องทำให้เร็ว LINE-Tencent เดินเกมแพลตฟอร์มดิจิทัล ตอบโจทย์เทรนด์ O2O

โลกยังหมุนอยู่ทุกวัน แต่ด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่เข้ามา ผู้บริโภคก็ดำรงชีวิตอยู่บน 2 โลกพร้อมๆ กัน นั่นคือโลก Online และ Offline ดังนั้นการจะทำตลาดอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ต้องทำไปพร้อมๆ กัน หรือการคิดแบบ O2O

ภาพ Flickr ของ Joe The Goat Farmer

เดินฝั่งเดียวไม่ได้ ต้องไปพร้อมๆ กัน

การคิดแบบ O2O หรือ Online to Offline รวมถึง Offline to Online เป็นวิธีคิดที่นักการตลาดต้องนำไปประยุกต์ใช้ในปีนี้ เพราะผู้บริโภคไม่ได้อยู่แค่โลก Online หรือ Offline ผ่านเหตุผลเรื่องการดำรงชีวิตประจำวันทั้งสองฝั่งเกือบจะเท่ากัน ดังนั้นการจะทำตลาดแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็คงเข้าถึงผู้บริโภคไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งการเดินการตลาดในรูปแบบนี้ จำเป็นต้องอาศัยแพลตฟอร์มกลาง และ Big Data หรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ และเชื่อมต่อพฤติกรรมที่ผู้บริโภคอยู่ทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน ก่อนจะเข้าไปตอบโจทย์พวกเขาได้ตรงจุดที่สุด

อริยะ พนมยงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINE เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เทรนด์ O2O เป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องศึกษา และอ่านเกมหลังจากนี้ให้ออก เพราะยิ่งเชื่อมต่อกันได้มากเท่าไหร่ การเข้าถึงเป้าหมายที่ต้องการทำตลาดก็มากขึ้นเท่านั้น แต่การทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยเทคโนโลยี และนวัตกรรม เช่น Location Service หรือการบอกตำแหน่งของผู้บริโภคด้วย Smartphone ของพวกเขา หรือ Beacon ที่เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก สามารถส่งสัญญาณรัศมี 10-80 ม. เพื่อแจ้งโปรโมชั่นไปยังผู้บริโภคที่อยู่บริเวณนั้นได้

ภาพโดย Jonathan Nalder from Kilcoy, Australia (beacons by jnxyz.education) [CC BY 2.0 (http://creativecommons.org/licenses/by/2.0)], via Wikimedia Commons
“เรื่อง Beacon เราได้ดยินกันมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ที่ยังไม่เกิดเพราะปัญหาเรื่องเทคโนโลยี และ Smart Device ที่ยังไม่ใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อทุกอย่างมันพร้อม เช่น Beacon ก็มีขนาดเล็กเท่า Thump Drive และผู้บริโภคก็เข้าถึง Smartphone กันมากขึ้น กลายเป็นว่าแบรนด์ หรือธุรกิจต่างๆ สามารถเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่บนโลกออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Ecommerce และหากมีหน้าร้าน ก็สามารถเข้าถึงผู้บริโภคด้วย Beacon ได้เช่นกัน เท่ากับว่าผู้บริโภคจะอยู่ตรงไหน ก็สามารถเข้าถึงได้”

ร่วมมือสร้างแพลตฟอร์มต่อยอดธุรกิจ

สำหรับ LINE ปัจจุบันได้วางแผนตัวเองเป็นแพลตฟอร์มกลาง ผ่านการรวม Content และบริการต่างๆ ไว้ภายใน Application เดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์ม O2O เช่น LINE Man ที่บริษัทร่วมมือกับ Lalamove กับ Alpha Fast เพื่อขยายระบบขนส่ง และ Wongnai เพื่อรวบวมร้านอาหารไว้กว่า 20,000 ร้าน จนกลายเป้นบริการส่งอาหารอันดับ 1 ของประเทศไทย และช่วยเชื่อมต่อร้านอาหารรายย่อยขึ้นทำตลาดออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ LINE Man แล้วกว่า 4 แสนราย ดังนั้นเมื่อเทคโนโลยีมันหนีไม่ได้ การทำให้มันง่ายต่อผู้บริโภคก็สำคัญ

นาธาน อุปลวัณณา Head of Sales for Topspace บริษัท เทนเซนต์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า O2O เป็นอีกแนวคิดในการเดินหน้าทำตลาดหลังจากนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการเป็นแพลตฟอร์มกลางที่เชื่อมต่อเรื่องต่างๆ เช่นล่าสุดในอุตสาหกรรมเพลง ทางกลุ่มเทนเซนต์มีบริการ JOOX ที่ช่วยเหลือให้ศิลปินไทยสามารถมีที่ยืนในตลาดได้ ผ่านการลดอัตราการรับฟังแบบละเมิดลิขสิทธิ์ และให้ฟังฟังบน Application แบบ On Demand แทน ซึ่งหลังจากนี้จะนำเพลงที่ให้รับฟังบนโลก Online มาอยู่ในโลก Offline ผ่านการจัดคอนเสิร์ตต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อทั้ง 2 โลกให้เข้าใกล้กันมากที่สุด

ผู้บริโภคไม่ง่าย เพราะถูกตามใจมาเยอะ

อย่างไรก็ตามแม้จะทำตลาดแบบ O2O แล้ว แต่การศึกษาผู้บริโภคให้ถ่องแท้ก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคถูกตามใจจากแบรนด์ และเอเยนซี่มากเกินไป ทำให้จะทำตลาดให้ตรงใจกับผู้บริโภคก็ต้องทำอะไรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสื่อให้หลากหลาย พร้อมกับการเดินเกมการสื่อสารไปพร้อมๆ กันระหว่าง Online และ Offline ขณะเดียวกันการใช้โฆษณาที่ไม่เหมือนโฆษณา หรือ Native Advertising ก็เป็นอีกวิธีที่เข้าถึงผู้บริโภคได้เช่นกัน เพราะสร้างประสบการณ์ได้มากกว่าโฆษณาปกติ และดึงดูดผ่านเนื้อหาที่แตกต่าง

สรุป

Online และ Offline ต้องเดินเกมไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นนักการตลาดต้องอ่านเกมให้ขาดว่าช่วงเวลาไหนต้องใช้ Online และช่วยเวลาไหนต้อง Offline ที่สำคัญการใช้เครื่องมือใหม่ๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภค พร้อมใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อทำให้ตรงเป้าหมายมากที่สุด ก็น่าจะช่วยแบรนด์ และเอเยนซี่เข้าถึงเป้าหมายได้เช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา