หากถามว่าประเทศจีนพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างก้าวกระโดดไหม ก็คงต้องตอบว่าใช่ แต่ปัญหาคือ ไม่ใช่ว่าเมื่อเม็ดเงินเพิ่มเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจในภาพรวมแล้วจะช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ได้เสมอไป เพราะล่าสุด ข้อมูลจากทางการจีนก็แสดงให้เห็นเองว่า จีนกำลังประสบปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบท
แม้เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม
นี่ยังไม่รวมปัญหาอีกเรื่องอย่างอัตราการเกิดต่ำที่จะเร่งให้เกิดปัญหาสังคมสูงวัย
รายได้คนเมืองคิดเป็น 2.5 เท่าของคนชนบท
ตัดประเด็นที่ว่า ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ในสังคมจีนเป็นการประโคมข่าวจากโลกตะวันตกไปได้เลย เพราะรัฐบาลจีนเปิดเผยข้อมูลออกมาเองว่า ในปี 2020
- คนเมืองมีรายได้เฉลี่ย 43,834 หยวน (213,000 บาท) ต่อปี
- คนชนบทมีรายได้ 17,131 หยวน (83,000 บาท) ต่อปี
โดยตอนนี้ในประเทศจีน มีผู้อาศัยอยู่ในเมือง 900 ล้านคน ส่วนอีก 500 ล้านคนอยู่ในชนบท
ชนชั้นทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นชัดเจน
คนจีนในเขตชนบทไม่ได้มีทางเลือกในอาชีพมากนักนอกจากการทำเกษตรกรรม ซ้ำร้ายการทำเกษตรกรรมไม่สามารถการเติบโตทางธุรกิจได้มากเพียงพอ หากพิจารณาจากรายได้ต่อปี พบว่าแรงงานภาคเกษตรมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 1,500 หยวน (7,270 บาท) เท่านั้น
ผู้คนจากภาคเกษตรหลั่งไหลไปหางานในเมืองใหญ่ที่ให้ค่าจ้างเฉลี่ยมากกว่า 4,000 หยวน (19,000 บาท) ต่อเดือน ดีกว่าการทำเกษตรอยู่มากโข
ที่สำคัญ หากได้ทำงานเป็นประจำในออฟฟิศก็ยิ่งทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีข้อมูลว่าผู้ที่ทำงานในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้และอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนระหว่าง 10,000-30,000 หยวน (48,500-145,000 บาท) ต่อเดือน
ข้อมูลด้านรายได้ทำให้เราเห็นความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 ชนชั้นในสังคมจีน คือ
- แรงงานภาคเกษตรในชนบท
- แรงงานที่อพยพเข้าสู่เมืองใหญ่
- พนักงานออฟฟิศทั่วไป
ข้อมูลทั้งหมดนี้ยังไม่ได้พูดถึงคนระดับมหาเศรษฐีจีนที่นับวันยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ ข้อมูลจาก HSBC เผย จำนวนเศรษฐีจีน จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในอีก 4 ปี
น่าสนใจว่ารัฐบาลจีนจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อจัดการให้เม็ดเงินที่ได้รับจากพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดด กระจายไปได้อย่างเท่าเทียมทั่วสังคมต่อไป
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา