Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ GM ร่อนจดหมายถึง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ วอนปรับกฎหมาย อนุญาตให้ทดลองรถยนต์ไร้คนขับบนถนนจริงมากขึ้น เหตุรถไร้คนขับจีนกำลังรุดหน้าหวั่นโดนแซง
บริษัทรถยนต์ไร้คนขับเครือ GM ขอภาครัฐสนับสนุนมากขึ้น
Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ General Motors ร่อนจนหมายถึงประธานาธิบดี โจ ไบเดน ร้องขอให้เพิ่มโควต้าจำนวนรถยนต์ไร้คนขับที่สามารถทดสอบขับขี่บนท้องถนนทั่วไปให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบขับขี่อัตโนมัติ
Dan Ammann ประธานบริหารของ Cruise ระบุในจดหมายถึงประธานาธิบดีอีกว่า การจำกัดโควต้าเป็นสิ่งที่กีดกันอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับในสหรัฐ จนไม่สามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สามารถผลิตออกมาได้จำนวนมากได้
Cruise เน้นย้ำ ถ้าภาครัฐไม่เคลื่อนไหวอาจตามหลังจีน
หากไม่ได้การสนับสนุนจากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติในการทบทวนเพื่อลดข้อจำกัดในการทดลองระบบไร้คนขับบนถนนจริง อุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับจะลำบาก และการพัฒนาเทคโนโลยี AI ก็จะหยุดชะงัก ที่สำคัญ บริษัทคู่แข่งก็อาจจะแซงหน้าบริษัทจากสหรัฐ Dan Ammann ระบุเพิ่มเติมในจดหมายฉบับดังกล่าว
เขายังได้อ้างถึงโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับในจีนว่า แม้แต่จีนที่ใช้อำนาจแบบสั่งการจากบนลงล่าง กำกับดูแลจากส่วนกลาง ก็ยังไม่ได้เข้ามาผูกมัดอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับแบบนี้
Ammann ระบุชัดเจนในจดหมายว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่งบประมาณ แต่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐในการกำหนดนโยบายที่ทำให้บริษัทในสหรัฐแข่งขันได้ทัดเทียมบริษัทในประเทศอื่นๆ
จีนลงทุนเต็มที่ ลดช่องว่างทางเทคโนโลยีกับสหรัฐ
การสื่อสารตรงไปยังผู้กำหนดนโยบายของ Cruise ในครั้งนี้แสดงให้เห็นภาพการแข่งขันในสงครามเทคโนโลยีที่ดุเดือดระหว่างสหรัฐและจีน (รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลก) ไม่ได้มีแค่ Cruise เท่านั้นที่เรียกร้องให้ภาครัฐลดข้อจำกัดในการแข่งขัน แต่ Waymo บริษัทรถยนต์ไร้คนขับของ Google ก็เคยร้องไปยังมลรัฐซานฟรานซิสโก ขอทำการขับขี่บนท้องถนนเพิ่มขึ้น
สะท้อนให้เห็นว่า ภาคเอกชนในสหรัฐรับรู้แล้วว่าฝั่งสหรัฐกำลังถูกไล่จี้ในแง่การพัฒนาเทคโนโลยี
ในประเทศจีน ภาครัฐทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่จะทำให้บริษัทในอุตสาหกรรมแบบใหม่ (เช่น AI, 5G ไปจนถึงรถยนต์ไร้คนขับ) แข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น จึงไม่แปลกที่บริษัทในสหรัฐถึงกับส่งจดหมายเร่งให้ภาครัฐมีมาตรการที่เอื้อต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
ที่มา – Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา