F-150 ของ Ford คือรถยนต์ที่ขายได้มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา และ Ford ต้องการให้รถกระบะรุ่นนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่จะเป็นแค่ยานพาหนะคงไม่ได้ Ford จึงออกแบบ F-150 Lightning ให้ตอบโจทย์ได้หลายแง่มุม
F-150 Lightning กับโลกใบใหม่ของ Ford
F-150 คือรถยนต์ที่จำหน่ายได้มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยปี 2020 จำหน่ายไปถึง 7.87 แสนคัน แทบจะเท่ากับจำนวนรถยนต์ทุกประเภทที่จำหน่ายในประเทศไทยที่ 7.92 แสนคัน เหตุผลที่จำหน่ายได้มากขนาดนี้ เพราะคนอเมริกันค่อนข้างถูกจริตกับการใช้รถกระบะ ประกอบกับ F-150 ถูกซื้อไปใช้งานเพื่อการพาณิชย์เป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มเดินไปในทิศทางรถยนต์ไฟฟ้า Ford ก็ต้องปรับตัว และหนึ่งในแผนสำคัญคือการทำ F-150 ให้กลายเป็นรถกระบะไฟฟ้าให้ได้ เพื่อตอบโจทย์ตลาดในอนาคต แต่มันก็คือความท้าทายครั้งใหญ่ของ Ford เช่นกัน เพราะหากทำแล้วออกมาไม่ดี โอกาสที่จะจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ได้จำนวนมากก็คงเป็นไปไม่ได้
จุดนี้เอง Ford จึงมีการวางแผนพัฒนา F-150 ให้เป็นรถกระบะไฟฟ้าล้วนอย่างต่อเนื่อง หากนับย้อนไปจริง ๆ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2019 โดยตอนนั้น Ford มีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เช่น Rivian ที่เชี่ยวชาญการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อออกแบบ F-150 ให้กลายเป็นรถกระบะไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพไม่ต่างกับรถกระบะที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
ชิมลางในตลาดด้วยรุ่นอื่น ก่อนเปิดตัวแบบเร้าใจ
อย่างไรก็ตามก่อนที่ Ford จะพร้อมส่ง F-150 รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนมาจำหน่าย Ford ได้เข้ามารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบจริงจังด้วย Ford Mustang Mach-E รถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ SUV ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบรุ่นในตำนานอย่าง Mustang โดยรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นดังกล่าวเปิดตัวเมื่อปลายปี 2019
แต่ที่บอกว่าจริงจัง เพราะหากย้อนไปเกือบ 20 ปีก่อน Ford เคยทำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Ford Ranger EV รถกระบะไฟฟ้า และ Ford Focus Electric รถเก๋งไฟฟ้า แต่ทั้งคู่ไม่ได้ประสบความสำเร็จในแง่ยอดขาย และน่าจะเป็นการทำเพื่อแสดงนวัตกรรมที่ Ford คิดค้นได้มากกว่า
ในทางกลับกัน การเปิดตัว Ford F-150 Lightning เมื่อวันที่ 20 พ.ค. กลับสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา เพราะมีมันประสิทธิภาพใกล้เคียง หรือมากกว่า F-150 ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง พร้อมการออกแบบที่คงความดุดัน และน่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้ไม่ยาก
เจาะสเปกที่เป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะ
หากเจาะไปที่คุณสมบัติของ F-150 Lightning ด้านการออกแบบจะไม่ได้ต่างกับ F-150 รุ่นปกตินัก แต่จะโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องมีแผงระบายอากาศอีกต่อไป รวมถึงกระโปรงหน้าแบบ Frunk หรือ Front Trunk ที่ปกติจะถูกติดตั้งเครื่องยนต์เอาไว้ ก็กลายเป็นที่เก็บของขนาดใหญ่ เพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน
ในแง่พละกำลัง F-150 Lightning มากับมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตันเมตร วิ่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 4 วินาที ถือว่าค่อนข้างแรงเมื่อเทียบกับรถกระบะใช้น้ำมันในตลาด และถึง Ford จะไม่ได้บอกว่า F-150 Lightning มากับแบตเตอรี่ความจุเท่าไร แต่มันก็มาพร้อมคุณสมบัติน่าสนใจ
นั่นคือการส่งพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของ F-150 ไปที่บ้าน หรือพื้นที่ก่อสร้าง ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์อย่างแท้จริง เช่นเมื่อเกิดภัยพิบัติ บ้านก็ยังมีไฟฟ้าใช้เพราะถ่ายมาจากแบตเตอรี่ของรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้ ที่สำคัญจุดต่าง ๆ ของรถยนต์ยังตอบโจทย์การใช้งานเพื่อการพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบ
เริ่มต้นด้วยรถกระบะ และเติบโตด้วยรถกระบะ
Darren Palmer หัวหน้าฝ่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ของ Ford เสริมว่า บริษัทเต็มที่กับ F-150 Lightning และพร้อมขึ้นไลน์ผลิตที่รองรับจำนวนสั่งซื้อเข้ามาได้ โดยเฉพาะฝั่งองค์กรพาณิชย์ต่าง ๆ ที่ใช้งานรถกระบะ F-150 อยู่แล้ว นอกจากนี้ Ford ยังขยายเครือข่ายสถานีชาร์จเพื่อให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อ F-150 Lightning คือรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่พัฒนามาจากรถยนต์ที่จำหน่ายมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา การสร้างความเชื่อมั่น และเต็มที่กับนวัตกรรมที่ใส่มาคือหมุดหมายสำคัญของการเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในสหรัฐอเมริกา และในตลาดโลก
ปัจจุบัน หากรวม F-150 Lightning ทาง Ford ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 3 รุ่น คือ Mustang Mach-E, F-150 Lightning และ E-Transit รถตู้เพื่อการพาณิชย์ที่ใช้ส่งพัสดุต่าง ๆ ซึ่งหลังจากนี้ Ford มีแผนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดแผน 2030 จะจำหน่ายแต่รถยนต์ใช้พลังงานสะอาด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา