ขายแซนวิชในเซเว่น รายได้ 3,000 ล้าน NSL เตรียมเข้าตลาดหุ้นกลางปีนี้

แซนวิชอบร้อน เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายดีที่สุดในเซเว่นอีเลฟเว่น เชื่อว่าหลายคนกินกันเป็นประจำ ผลิตโดย NSL ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป ตั้งเป้ารายได้ปี 64 กว่า 3,500 ล้านบาท รวมถึงมีแผนเข้าตลาดหุ้นเดือน พ.ค.​ 64

NSL

ขายแซนวิชอบร้อน เติบโตไปพร้อมเซเว่น

สมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า NSL ผลิตแซนวิชอบร้อนให้เซเว่นอีเลฟเว่นเพียงรายเดียว ไม่มีผลิตให้ร้านสะดวกซื้อรายอื่น ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและขายดีเป็นอันดับมีกำลังการผลิตมากกว่า 1,250,000 ชิ้นต่อวัน โดยปัจจุบัน NSL มีสัดส่วนรายได้ 90% ร่วมกับเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่ง NSL มองว่าไม่ใช่ความเสี่ยงแต่เป็นการเติบโตไปพร้อมๆ กัน

ขณะเดียวกัน NSL กำลังพัฒนาแบรนด์สินค้าและธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น โดยมีการกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจอาหารในรูปแบบอื่น โดยใช้ระบบ System Application and Products (SAP) เพื่อบริหารจัดการการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงวางแผนร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่น เสริมสินค้าในรูปแบบของเดลิเวอรี่และสินค้าที่ขายใน vending machine มีสินค้าอยู่ประมาณ 40 ตัว

NSL

ปีนี้ 3,500 ล้าน เป้า 5 ปี 6,000 ล้าน

อนาคต NSL จะมีสัดส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นใหม่จากร้านค้านอกเซเว่นอีเลฟเว่นมากขึ้น โดยตั้งเป้าเติบโตด้านรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ภายในเวลา 5 ปี (2564-2568) ที่เกิดจากธุรกิจอื่น (non 7-Eleven) ในสัดส่วน 30% และ 70% เป็นธุรกิจร่วมกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น

สำหรับรายได้ในปี 2563 สิ้นสุดไตรมาส 3 เดือนกันยายน 2563 บริษัทมีรายได้รวม 2,164.9 ล้านบาท โดยกลุ่มของเบเกอรี่และอาหารรองท้องคิดเป็น 94.5% ของรายได้ทั้งหมด ในส่วนของธุรกิจฟู้ด เซอร์วิสมีรายได้ 94.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า เนื่องจากเพิ่งซื้อธุรกิจนี้เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 สะท้อนให้เห็นทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่ง

ในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายให้เติบโตมากขึ้นจากเดิม จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ และการที่ธุรกิจเดิมเริ่มกลับมาเติบโตโดยตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 16%

NSL

ขยายธุรกิจอาหารสำเร็จรูปทุกรูปแบบ

สำหรับธุรกิจฟู้ด เซอร์วิส บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนเพิ่มเมื่อปี 2562 เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสจากมูลค่าตลาดที่สูงถึง 20,000 ล้านบาท แต่ยังมีผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เริ่มแรกจะเน้นนำเข้าสินค้าอาหารแช่แข็ง ได้แก่ เนื้อสัตว์แช่แข็ง อาทิ ปลาแซลมอน ปลาหิมะ เนื้อออสเตรเลีย หอยเชลล์

ส่วนในปีนี้มีการเพิ่มการลงทุนในส่วนของอาหารประเภท ready to cook และ ready to eat อาทิ การผลิตสูตรซอสอาหารสำเร็จรูปเพื่อส่งให้กับเชนร้านอาหารหรือโรงแรมต่างๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนเนื่องจากไม่ต้องมีหัวหน้าพ่อครัว ให้บริการทุกร้านและสูตรของการให้บริการยังคงความเป็นมาตรฐานเดียวกัน  เนื่องจากบริษัทฯ มีความชำนาญและรู้แหล่งวัตถุดิบที่ดี พร้อมทั้งเชี่ยวชาญการแปรรูป

อย่ามองข้ามอาหารสุขภาพ เทรนด์มาแรง

พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยบริษัทฯ เตรียมแผนจะพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพเฉพาะกลุ่ม และอาหารสำหรับคนในแต่ละช่วงวัย ทั้งผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งจะเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน รวมไปถึงอาหารสำหรับผู้ป่วยที่เน้นรสชาติที่ถูกปากและความปลอดภัย จำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ และผ่านช่องทางออนไลน์  เป็นต้น 

ปัจจุบันบริษัทฯได้ขยายตลาดสินค้าที่มีนวัตกรรม โดยได้เป็นพันธมิตรกับนักธุรกิจที่ทำแป้งโปรตีนสูงจากจิ้งหรีดใน จังหวัดเชียงใหม่เพื่อมุ่งเน้นส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นสินค้าประเภทเบเกอรี่และขนมขบเคี้ยว นอกจากนี้ยังมีแผนจะเพิ่มความหลากหลายของสแน็คเพื่อจับกลุ่มคนรักสุขภาพภายใต้แบรนด์ Natural Bites คาดว่าจะวางเริ่มวางจำหน่ายได้ในไตรมาส 2 ปี 2564”

ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน 

NSL

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา