ยามาฮ่า แถลงนโยบายประจำปี 2564 ผ่าน Live Streaming สรุปภาพตลาดจักรยานยนต์ปี 2563 โดยรวมลดลง 12.1% เหลือ 1.52 ล้านคัน จากเหตุสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่วนยามาฮ่าโตสวนตลาด โกยส่วนแบ่งการตลาดเป็น 15.8% หลักยกระดับช่องทางการขายและการตลาดอย่างเข้มข้นผ่านทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น หวังปีนี้เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 16.5%
มร.เท็ตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์มียอดจดทะเบียนปิดปี 2563 อยู่ที่ 1.52 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 12.1% หากแยกเป็นส่วนของยามาฮ่ามีจำนวน 240,000 คัน ลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่เหนือกว่าภาพรวมของตลาด ทั้งยังสามารถขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 15.8% ซึ่งเติบโตขึ้นในทุกเซ็กเมนต์ของยามาฮ่า
“การเดินหน้านโยบายด้านการขายและการทำตลาดอย่างเข้มข้น และพลิกเกมสู้วิกฤติโควิด-19 ด้วยการปรับการผลิตและการขายโฟกัสไปที่รุ่นยอดนิยมอย่างแกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด, เอ็นแม็กซ์, เอ็กซ์แม็กซ์ และฟินน์ ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค ทั้งยังช่วยลดสต๊อกให้กับผู้จำหน่ายกว่า 31,000 คัน ทำให้มีกระแสเงินหมุนเวียนมากขึ้น และยังได้จัดอบรมการทำการตลาดแบบออนไลน์ให้กับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มยอดขายให้ขยับขึ้นเป็นเท่าตัว รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและสร้างยอดขายได้ดีในภาวะวิกฤติ”
พงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เพิ่มเติมว่า จากการประเมินจากกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องของ GDP ปี 2563 คาดว่าติดลบประมาณ 6.6% แต่ในปี 2564 กลับมาโตขึ้นเป็น 3.0-3.6% โดยมีปัจจัยบวกจากทางภาพรัฐที่มีการลงทุนในโครงสร้างรวมทั้งประเทศ และความมั่นใจของการมาของวัคซีน COVID-19 แต่ก็ยังมีข้อกังวลเรื่องเรื่องหนี้ครัวเรือน กำลังซื้อลดลง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น หากมองภาพรวมๆ แล้วปีนี้คาดว่าจะมียอดจดทะเบียนทรงตัวที่ 1.53 ล้านคัน หรือเติบโด 0.7% แต่ด้วยกลยุทธ์ “Revs Your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ” เราปรับยอดขายในปีนี้เป็น 253,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 16.5% อีกด้วย
“เราพร้อมรุกตลาดอย่างต่อเนื่องด้วย 4 กลยุทธ์หลักในปีนี้ คือ
1.) การเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 รุ่น ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้เทคโนโลยีล้ำสมัยและดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในหลากหลายรูปแบบ
2.) สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าด้วยรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซี
3.) ยกระดับและพัฒนาศูนย์บริการยามาฮ่าทั่วประเทศ ให้บริการลูกค้าด้วยมาตรฐานสูงขึ้น
4.) รุกการตลาดแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ใช้การสื่อสารด้านออนไลน์เป็นทางเลือกหลักมากยิ่งขึ้น
โดยหวังที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งในกลุ่มรถออโตเมติกที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก ตั้งเป้าที่จะขยับสัดส่วนจาก 27.6% เพิ่มขึ้นเป็น 28.5% รวมถึงตลาดรถสปอร์ตที่ ยามาฮ่า มีความแข็งแกร่งโดยหวังที่เพิ่มสัดส่วนจาก 26.3% ไปเป็น 28.5% ปิดท้ายด้วยตลาดรถครอบครัวตั้งเป้าที่จะขยับสัดส่วนจาก 5.5% เพิ่มขึ้นเป็น 6.5% เสริมด้วยกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา