ตอนนี้กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปเร่งเครื่องพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ เพื่อตอบสนองกับนโยบายลดมลพิษ และรับกับความต้องการผู้บริโภค แต่ถึงจะพัฒนาเร็วแค่ไหน Tesla ยังมีไม้ตายอย่างระบบรถยนต์ไร้คนขับที่สร้างความแตกต่าง
รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องมีมากขึ้น
ในกลุ่มยุโรปมีหลายประเทศที่ประกาศนโยบายห้ามจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน เพราะต้องการควบคุมมลพิษ ดังนั้นค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์เยอรมนีต่างพยายามทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และแบรนด์รถยนต์หรูคือผู้นำในเรื่องนี้ก็ว่าได้
เพราะ Mercedes-Benz มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังเตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนถึง 8 รุ่นในปี 2565 ส่วน Audi และ Porsche ที่อยู่ในกลุ่ม Volkswagen ต่างเริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเช่นกัน ผ่านรุ่น e-tron และ Taycan ตามลำดับ
มีเพียง BMW ที่ดูค่อนข้างช้า แม้จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนมาก่อนใครเพื่อนกับรุ่น i3 เมื่อปี 2557 แต่ด้วยการออกแบบที่ไม่ค่อยเป็น BMW จึงไม่เป็นที่นิยม และถึงจะเตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่น iX3 แบรนด์ใบพัดสีฟ้าก็ยังช้ากว่าคู่แข่งเยอรมนีด้วยกันอยู่ดี เพราะแผนรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตยังไม่ชัดเจนนัก
ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันคือหัวใจ
อย่างไรก็ตามค่ายผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีต่างมีหัวใจในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าล้วนเหมือนกันคือการใช้แพลตฟอร์มที่แบ่งปันกันภายในแบรนด์ได้อย่างอิสระ เช่น Mercedes-Benz และ BMW ที่สร้างแพลตฟอร์มกลางให้สามารถใช้ได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และรถเครื่องสันดาปภายใน
หรือทาง Volkswagen ที่อาศัยความเป็นกลุ่มรถยนต์เยอรมนีที่มีแบรนด์ย่อยจำนวนมาก พัฒนาแพลตฟอร์มกลางที่ใช้ร่วมกันได้หลากหลายรุ่น ทั้งยังพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าที่แบ่งปันกันใช้ได้หลากหลายแบรนด์ ทำให้ค่ายรถยนต์จากเยอรมนีสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลัง และทำราคาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนียังสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ทั้งในประเทศเยอรมนี หรือไปสร้างในจีน และประเทศคู่ค้าอื่นๆ จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันจะเห็นแบรนด์รถยนต์จากเยอรมนีเริ่มประกาศทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเต็มรูปแบบ และพร้อมท้าชน Tesla อย่างจริงจัง
บ้างสำเร็จ แต่ระยะยาวยังเทียบไม่ได้
เมื่อทุกอย่างพร้อม ประกอบกับบางประเทศในกลุ่มยุโรปมีการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เช่นการลดภาษี หรือให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนีเอาชนะ Tesla ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะตลาดนอร์เวย์ที่ Audi สามารถคว้ายอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าล้วนมาได้
นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าล้วนของ Renault รุ่น Zoe ยังขายได้มากที่สุดในกลุ่มยุโรปช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 เอาชนะ Model 3 ของ Tesla ไปได้ แต่ถึงอย่างไรหากว่ากันยาวๆ นอกตลาดยุโรป หรือกระทั่งในยุโรปเอง ค่ายรถยนต์ในพื้นที่นี้ก็ยังห่างไกลจาก Tesla อยู่ก้าวหนึ่ง
เพราะ Tesla ได้เริ่มปล่อยสิ่งที่กั๊กออกมาแล้ว นั่นคือเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ที่พัฒนาจนถึงขั้นขับจาก San Francisco ไปถึง Los Angeles ที่รวมระยะทางราว 600 กม. โดยแทบไม่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้ขับ แม้ตัวผู้ขับจะเกิดการกังวลบ้าง แต่ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
เมื่อตามไม่ทัน ก็ยากที่จะแข่งขัน
การพัฒนาของ Tesla นั้นไปไกลกว่าแค่การมองเรื่องสมรรถนะการขับขี่ และระยะทางที่วิ่งได้ เพราะเดินหน้าไปถึงเทคโนโลยีที่จะมาพลิกอุตสาหกรรมรถยนต์กับระบบรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งฝั่งนี้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมไม่ถนัดแน่นอน ผ่านการทำแต่รถยนต์มาโดยตลอด ไม่ได้จับเรื่องเทคโนโลยีมากนัก
และหาก Tesla สามารถพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับได้อย่างสมบูรณ์แบบ เวลานั้น Tesla ก็จะก้าวไปมากกว่าค่ายผู้ผลิตรถยนต์อีกครั้ง และคราวนี้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์คงก้าวตามมาลำบากแน่นอน แต่ค่ายผู้ผลิตเหล่านั้นก็พยายามที่จะเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น สังเกตจากการจับมือกับบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ
ส่วนค่ายรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะมีที่ชัดเจนเพียงรายเดียวคือ Nissan ที่ลงทุนเต็มที่กับรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีใหม่ ส่วนเจ้าตลาดอย่าง Toyota แทบไม่มีบทบาทเรื่องนี้ เพราะยังจมอยู่กับ Hybrid และ Fuel Cell เหมือนเดิม
อ้างอิง // New York Times, Engadget
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา